รีเซต

สรุปประเด็น โศกนาฏกรรม Jeju Air 179 ชีวิตดับ รอด 2 คน

สรุปประเด็น โศกนาฏกรรม Jeju Air 179 ชีวิตดับ รอด 2 คน
TNN ช่อง16
29 ธันวาคม 2567 ( 16:04 )
30



เหตุการณ์เครื่องบินตก


เหตุการณ์สลดที่สร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลกเกิดขึ้นในเช้าวันที่ 29 ธันวาคม 2567 เมื่อเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินเชจูแอร์ เที่ยวบิน 7C2216 ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง เที่ยวบินดังกล่าวออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลา 01.30 น. มุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติมูอัน จังหวัดชอลลาใต้ ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 288 กิโลเมตร ตามกำหนดการเดิม เที่ยวบินควรจะถึงจุดหมายปลายทางในเวลา 08.30 น. แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 09.07 น. ขณะที่นักบินกำลังพยายามนำเครื่องลงจอด


สาเหตุของอุบัติเหตุ


พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3 โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยรายละเอียดของเหตุการณ์ว่า อุบัติเหตุครั้งนี้มีสาเหตุเบื้องต้นมาจากความขัดข้องของระบบการลงจอด โดยเฉพาะกลไกการกางล้อที่ไม่ทำงานตามปกติ เมื่อเครื่องบินแตะพื้นรันเวย์โดยไม่มีล้อรองรับ จึงเกิดการลื่นไถลอย่างรุนแรงไปตามความยาวของรันเวย์ เหตุการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อเครื่องบินพุ่งชนเข้ากับกำแพงคอนกรีตที่ปลายรันเวย์ด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้เกิดการระเบิดและไฟลุกท่วมตัวเครื่องในทันที ความรุนแรงของการชนและการระเบิดทำให้เครื่องบินพังเสียหายอย่างหนักเกือบทั้งลำ จนแทบไม่เหลือสภาพเดิม


ปัจจัยเสี่ยงจากความยาวรันเวย์


การสืบสวนเบื้องต้นจากเว็บไซต์ข่าว The Korea Herald พบประเด็นสำคัญเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของสนามบินที่อาจเป็นปัจจัยเสริมให้เหตุการณ์รุนแรงยิ่งขึ้น โดยรันเวย์หลักของท่าอากาศยานนานาชาติมูอันมีความยาวเพียง 2,800 เมตร ซึ่งถือว่าสั้นมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานของสนามบินพาณิชย์หลักในพื้นที่กรุงโซล เช่น สนามบินอินชอนที่มีรันเวย์ยาวถึง 3,750 เมตร และสนามบินนานาชาติกิมโปที่มีรันเวย์ยาว 3,600 เมตร และ 3,200 เมตร ตามลำดับ


ความแตกต่างของความยาวรันเวย์ที่มากถึง 950 เมตรเมื่อเทียบกับสนามบินอินชอน อาจส่งผลต่อระยะในการชะลอความเร็วของเครื่องบิน โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ที่ระบบการลงจอดเกิดความขัดข้อง ระยะรันเวย์ที่สั้นกว่าอาจลดโอกาสในการกู้สถานการณ์ของนักบิน


ความสูญเสียครั้งใหญ่


โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก จากจำนวนผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 181 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 175 คน และลูกเรือ 6 คน มีผู้เสียชีวิตถึง 179 คน เหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 คน ซึ่งเป็นลูกเรือ ในจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดประกอบด้วยชาวเกาหลีใต้ 173 คน และชาวไทย 2 คน


ความสูญเสียครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในอุบัติเหตุทางอากาศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์การบินของเกาหลีใต้ และยังสร้างความสะเทือนใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและประชาคมโลก


การค้นหาและกู้ภัย


ทันทีที่เกิดเหตุ สำนักงานดับเพลิงแห่งชาติเกาหลีใต้ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมากถึง 1,562 นาย เข้าปฏิบัติการช่วยเหลือและกู้ภัย ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 490 นาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 455 นาย พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือที่ทันสมัย ผลการปฏิบัติงานล่าสุด สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้แล้ว 124 ศพ แบ่งเป็นเพศชาย 54 ราย เพศหญิง 57 ราย และอีก 13 รายที่ยังไม่สามารถระบุเพศได้เนื่องจากสภาพร่างกายได้รับความเสียหายอย่างหนัก


การปฏิบัติงานกู้ภัยยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความยากลำบากจากสภาพซากเครื่องบินที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และความเสี่ยงจากเชื้อเพลิงที่หลงเหลืออยู่


การตอบสนองจากสายการบินและผู้เกี่ยวข้อง


นายคิม อีแบ ซีอีโอสายการบินเชจูแอร์ ได้แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ด้วยการออกแถลงการณ์ขอโทษอย่างเป็นทางการผ่านเว็บไซต์ของบริษัท โดยระบุว่า "ก่อนอื่น เราน้อมขอโทษทุกคนที่ไว้วางใจสายการบิน Jeju Air เมื่อเวลาประมาณ 9.03 น. ของวันที่ 29 ธันวาคม เที่ยวบิน 7C2216 จากกรุงเทพฯ ไปยังมูอัน เกิดเพลิงไหม้ขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติมูอัน เหนือสิ่งอื่นใด เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งและขอโทษครอบครัวของผู้โดยสารที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้"


นอกจากนี้ ทางสายการบินยังให้คำมั่นว่าจะให้ความร่วมมือกับการสอบสวนอย่างเต็มที่เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุ และจะรับผิดชอบต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ โดยจะจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือพิเศษเพื่อดูแลครอบครัวผู้ประสบภัยโดยเฉพาะ

การตอบสนองจากบริษัทโบอิ้ง


บริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินรุ่น 737-800 ที่ประสบอุบัติเหตุ ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมยืนยันว่าได้ติดต่อประสานงานกับสายการบินเชจูแอร์ทันทีหลังเกิดเหตุ เพื่อให้การสนับสนุนในการสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุ บริษัทพร้อมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเข้าร่วมการสอบสวน และให้ข้อมูลทางเทคนิคที่จำเป็นทั้งหมดแก่คณะกรรมการสอบสวน


การตอบสนองจากรัฐบาลเกาหลีใต้


ชเว ซังม็อก รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ แสดงความเป็นผู้นำด้วยการเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุด้วยตนเอง พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสะเทือนใจว่า "ไม่มีคำพูดปลอบใจใดๆ ที่จะเพียงพอสำหรับครอบครัวที่ประสบกับโศกนาฏกรรมเช่นนี้"


รัฐบาลเกาหลีใต้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนระดมสรรพกำลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและครอบครัว พร้อมจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเพื่อประสานงานการช่วยเหลือและสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ยังสั่งการให้มีการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของสนามบินทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน


ความช่วยเหลือสำหรับคนไทย


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วในการให้ความช่วยเหลือและติดตามสถานการณ์ของผู้โดยสารชาวไทยทั้งสองคนที่อยู่บนเครื่อง โดยได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานท้องถิ่นของเกาหลีใต้ และจัดตั้งศูนย์ประสานงานฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเปิดหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินสองหมายเลขสำหรับญาติของผู้ประสบเหตุและคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือ คือ +82 10 6747 0095 และ +82 10 3099 2955


นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศของไทยยังได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตฯ จัดเจ้าหน้าที่เข้าร่วมในศูนย์ช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยที่ทางการเกาหลีใต้จัดตั้งขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการสื่อสารและประสานงานกับครอบครัวของผู้โดยสารชาวไทย รวมถึงการอำนวยความสะดวกในด้านเอกสารและพิธีการต่างๆ ที่จำเป็น


เหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการบินของเกาหลีใต้และทั่วโลก ในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและการเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต



ภาพ AFP 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง