รีเซต

จบแล้ว! ครอบครัวกินฟรี โร่จ่ายเงิน ร้านชาบู เล่าอีกมุม ยันไม่ใช่มิจฉาชีพ

จบแล้ว! ครอบครัวกินฟรี โร่จ่ายเงิน ร้านชาบู เล่าอีกมุม ยันไม่ใช่มิจฉาชีพ
ข่าวสด
15 มิถุนายน 2564 ( 07:31 )
159
จบแล้ว! ครอบครัวกินฟรี โร่จ่ายเงิน ร้านชาบู เล่าอีกมุม ยันไม่ใช่มิจฉาชีพ

 

จบด้วยดี ครอบครัวกินฟรี โร่ขอโทษเจ้าของ ร้านชาบู เมืองราชบุรี พร้อมจ่ายเงินค่าอาหารครบเต็มจำนวน เล่าเหตุการณ์อีกมุมปมอ้างจัดอาหารมั่ว

 

 

จากรณี เจ้าของร้านชาบู "โคยกี๊ หม้อไฟ" ตั้งอยู่ เลข 143 ถนนวรเดช ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งเปิดเป็นร้านชาบูในอาคารพาณิชย์ ติดริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนาแม่น้ำ-แม่กลอง เผยแพร่เรื่องราวพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้ามานั่งกินฟรีกันทั้งครอบครัว แต่สุดท้ายเช็คบิลกลับไม่จ่าย อ้างให้ไปแจ้งความเอากับเด็ก ต่อมา นายภาวัต สงวนหงส์ อายุ 42 ปี เจ้าของร้าน พร้อมพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับครอบครัวรายนี้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และไปทำกับร้านใครอีก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 14 มิ.ย.2564 ครอบครัวคู่กรณีมาด้วยกัน 3 คน ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูกคนเล็ก ส่วนลูกคนโตไม่ได้เดินทางมาด้วย เข้าพบ ร.ต.ท.เจริญทรัพย์ โพธิ์พระ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี เจ้าของคดี ตามนัดหมาย เพื่อเจรจาพูดคุยกับนายภาวัต สงวนหงส์ ซึ่งเหตุการณ์เป็นการพูดคุยกันด้วยดีทั้งสองฝ่าย

 

 

จบด้วยดี ครอบครัวกินฟรี โร่ขอโทษเจ้าของ ร้านชาบู เมืองราชบุรี

 

 

นางพา และ นายซุบ (นามสมมุติ) เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนกับสามีได้พาลูกทั้ง 2 คน ขับรถยนต์ซึ่งไปทำธุระในเมืองราชบุรี และลูก ๆ อยากรับประทานอาหารชาบู จึงได้มานั่งรับประทานที่ร้านชาบู "โคยกี๊ หม้อไฟ" พอนำรถมาจอดที่ร้าน ตนก็ได้สอบถามกับพนักงานว่าที่ร้านให้บริการอย่างไร บุฟเฟต์ หรือ อาลาคาร์ท พนักงานก็แจ้งว่าที่ร้านเป็นแบบอาลาคาร์ท

 

 

นางพา กล่าวต่อว่า จากนั้น ก็พากันเดินไปนั่งที่โต๊ะตามในคลิปภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งสามีนั่งโต๊ะเบอร์ 15 ส่วนตนนั่งเบอร์ 14 ลูกชายคนเล็กนั่งเบอร์ 13 และ ลูกชายคนโตอายุ 12 ปี นั่งโต๊ะเบอร์ 12 จากนั้น พนักงานก็เดินมาสอบถามว่าทานน้ำซุปอะไร และได้นำมาให้ตามเตาของแต่ละคน พร้อมทั้งนำบิลรายการอาหารมาให้ ซึ่งตนสั่งไปทั้งหมด 8 รายการ เป็นเงิน 140 บาท สามีสั่ง 10 รายการ 175 บาท พนักงานก็ยกอาหารมาให้ ก็นั่งทานกันตามปกติ

 

 

 

 

"แต่เหตุการณ์มันเกิดขึ้น โดยที่ลูกชายคนโต ได้สั่งเมนูอาหารมา 42 รายการ ตอนนั้นเราคิดว่าสั่งไม่กี่อย่าง และลูกก็คงเข้าใจว่าสั่งรายการอาหารแบบบุฟเฟต์ จึงสั่งที่ลูกชอบมากิน เมื่อพนักงานยกเมนูอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟเราก็ตกใจเพราะเห็นมาจำนวนมาก คิดว่าจะต้องราคาสูงอย่างแน่นอน ซึ่งสามีก็ทำเสียงดังใส่ เพราะคิดว่าพนักงานจัดของมามั่ว เราก็ได้ห้ามเอาไว้ จากนั้นสามีก็ลุกเดินออกจากร้านไปเพื่อหาซื้อบุหรี่มาสูบ" นางพา กล่าว

 

 

นางพา กล่าวอีกว่า จากนั้น ตนได้เรียกพนักงานมาดูว่ารายการอาหารที่สั่งมาถูกต้องหรือไม่ และเจรจาเพื่อที่จะขอคืนเมนูอาหาร แต่ทางร้านแจ้งว่าไม่สามารถคืนได้ ขณะที่กำลังพูดคุยกันกับพนักงานซึ่งเป็นผู้จัดการร้าน ได้ยินเสียงการวางจานชามเสียงดัง จึงคิดว่าประชดหรือไม่พอใจอะไรตน ทำให้ตนเกิดมีอารมณ์โมโหขึ้นมา จึงตอบไปว่ามีเงินมาเพียง 200 บาท และอ้างว่าลูกชายอายุ 12 ปี สั่ง ถ้าอยากได้เงินก็ให้ไปแจ้งความจับเด็กละกัน "อยากจะเอาเรื่องกับเด็กรึไง"

 

นางพา กล่าวว่า พนักงานได้ติดกับเจ้าของร้านซึ่งขณะนั้นอยู่ที่กรุงเทพฯ เจ้าของร้านพยายามขอคุยด้วยแต่ตนไม่ยอมคุย กระทั่งเจ้าของร้านแจ้งพนักงานมาว่ามื้อนี้ให้ตนกินฟรี พนักงานก็มาแจ้งย้ำว่าให้ทานฟรี เมื่อสามีเดินทางกลับมาและเดินเข้ามาทานตามปกติ ตนต้องขออธิบายว่า ตนมีเงินและพร้อมที่จะจ่ายให้ แต่เมื่อเจ้าของร้านและพนักงานร้านยืนยันว่าให้ตนกินฟรี แล้วจะให้ตนจ่ายได้อย่างไร หลังจากที่ทานกันหมดแล้ว แต่ของที่สั่งมาเกินนั้นก็ได้คืนให้กับทางร้านไป เพราะลูกตนทานไม่หมดแน่ ก็คิดว่าเรื่องน่าจะจบและไม่มีอะไร จากนั้นจึงได้พากันกลับบ้าน

 

 

"วันนี้เราต้องขอโทษเจ้าของร้านด้วยที่ทำปฏิกิริยาแบบนั้นไป เพราะเป็นการเข้าใจกันผิด หลังจากที่ร้านโพสต์ข้อความเรื่องราวของเราออกไป ทำให้ได้รับผลกระทบ มีแต่คนเข้ามาต่อว่า และเข้าใจผิด ทั้ง ๆ ที่ครอบครัวของตนเองไม่ใช่มิจฉาชีพแต่อย่างไร เรามีเงินพร้อมที่จะจ่ายให้กับทางร้าน แต่ร้านแจ้งว่าให้ทานฟรี เราเลยไม่ได้จ่ายให้ไป และพยายามติดต่อกับเจ้าของร้านแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนมาทราบว่าได้เข้าแจ้งความครอบครัวเราไว้ จึงได้ติดต่อกับพนักงานสอบสวนเพื่อขอเจรจากับเจ้าของร้านและจะนำเงินค่าอาหารไปชำระให้เต็มจำนวน ซึ่งตอนนี้ครอบครัวของเราได้รับผลกระทบมาก จึงขอให้สังคมเข้าใจและอย่าซ้ำเติมกัน เราไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้ามาหลอกกินฟรี และก็ต้องขอโทษเจ้าของร้านชาบูอีกครั้ง" นางพา กล่าว

 

 

 

 

ด้าน นายภาวัต กล่าวว่า เรื่องนี้ตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความใด ๆ แล้ว เพราะทั้งครอบครัวก็เข้ามาเจรจากันต่อหน้าพนักงานสอบสวนและสื่อมวลชนซึ่งเป็นคนกลาง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยืนยันว่า ร้านของเรามีการบริการที่เป็นมาตรฐาน เวลาลูกค้าเดินเข้ามาที่ร้านก็จะแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าร้านเราเป็นแบบ อาลาคาร์ท และเราเน้นย้ำในด้านการบริการ ทั้งกิริยามารยาทในการรับลูกค้า

 

 

นายภาวัต กล่าวต่อว่า ส่วนที่ลูกค้าบอกว่าพนักงานทำกิริยาใส่ เหมือนวางชามเสียงดัง ซึ่งดังมาจากในครัว ตรงนี้ต้องเรียนว่าเป็นเรื่องปกติของทางร้านเพราะเราเป็นร้านเล็ก ๆ เสียงค่อนข้างจะดังถึงกัน ระหว่างโต๊ะนั่งของลูกค้ากับห้องครัว ทำให้ได้ยินเสียงดังการวางหรือเทจานชามที่ลูกค้าทานอิ่มแล้ว ตรงนี้เราก็ปรับความเข้าใจกัน ทางลูกค้าก็เข้าใจกันดี

 

 

"ส่วนประเด็นอื่น ๆ ร้านเรามีกล้องวงจรปิดติดในทุกมุมก็สามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด และเพื่อความปลอดภัยกับทางร้านและลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงยืนยันได้ว่าพนักงานของเราไม่มีการสร้างปฏิกิริยากับลูกค้า และจากภาพในคลิปก็จะเห็นพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟตามจำนวนที่ลูกค้าสั่ง และ ทางคุณแม่ ก็เรียกพนักงานมาสอบถามและถามถึงเรื่องการจัดอาหารมาผิดหรือไม่ เพราะคงคิดว่าเห็นเมนูอาหารมาจำนวนมาก วันนี้ก็อธิบายลูกค้าก็เข้าใจแล้ว ซึ่งผมก็ได้อธิบายลูกค้าเพิ่มเติมไปว่า กรณีที่ลูกค้าทานไม่หมดก็จะไม่สามารถคืนได้ ทางร้านจะห่อให้ลูกค้านำกลับบ้านได้ แต่ในเหตุการณ์นี้ ทางลูกค้ายืนยันว่าจะขอคืนทางร้าน ผมก็ไม่ถือติดใจเอาความใด" นายภาวัต กล่าว

 

 

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นางพาได้โอเงินสด 1,360 บาท ซึ่งเป็นค่าอาหารตามใบเสร็จเต็มจำนวนให้กับนายภาวัต แม้นายภวัตจะไม่รับก็ตามเพราะได้แจ้งไปแล้วว่าให้ทานฟรี แต่เมื่อวันนี้นางพาและสามีโอนเงินมาให้ เพื่อความสบายใจว่าตนเองได้จ่ายไปในสิ่งที่ครอบครัวของตนเองได้รับประทานไปแล้ว ในส่วนของนายภวัตได้นำเงินดังกล่าวไปจัดสรรให้พนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจที่เจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมเชิญชวนให้ครอบครัวของนางพา ถ้ามีโอกาสกลับมาเป็นลูกค้าอุดหนุนในโอกาสต่อ ๆ ไป พร้อมให้ทั้งให้ส่วนลดกรณีพิเศษ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง