“อภิสิทธิ์” มั่นใจแคนดิเดตนายกฯ ประชาธิปัตย์ เป็นคำตอบประชาชนพ้นความยากจน

26 ธันวาคม 2568 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช รองหน้าพรรค , นางการดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรค และ นายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร นำว่าที่ผู้สมัครสส.กทม. 33 เขต ถือฤกษ์ 07.30 น. สักการะศาลหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเปิดรับสมัครในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ค 68) ซึ่งวันนี้ในเวลา 10.00 น. พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้ง 3 คนผ่านโซเชียลทุกช่องทาง ประกอบด้วย 1. นายอภิสิทธิ์ 2. นายกรณ์ และ 3. นางการดี
จากนั้น ภายหลังสักการะศาลหลักเมือง นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้จะมีการประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์อีก 2 คน ผ่านโซเชียลมีเดียในเวลา 10.000น . ซึ่งคาดว่าขณะนี้สื่อและสังคมน่าจะทราบว่าเป็นใคร ส่วนที่ใครยังเดาไม่ออกก็น่าจะเดาได้แล้ว
ส่วนจุดขายของนายกรณ์และนางการดีคืออะไร แคนดิเดต นายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสามคนไม่ใช่ต่างคนต่างมา เรามีที่มาที่เหมือนกัน ในเรื่องความคิดและวิสัยทัศน์ทางการเมือง อีกทั้งยังเคยทำงานร่วมกันมาในโอกาสต่างๆ จึงมีความมั่นใจว่าเรามองอนาคตของประเทศที่เราอยากให้เป็น และเชื่อว่าเป็นอนาคตที่คนไทยอยากเห็น ดังนั้นการทำงานของทั้ง 3 คนจะมีลักษณะของความกลมกลืน เพราะมีโอกาสคุยกันหลายครั้ง และทำนโยบายสำหรับหาเสียงมาด้วยกัน
ส่วนเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่นถือว่าได้เปรียบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ขอเปรียบเทียบแต่อยากอธิบายให้เห็นที่มาว่า ทั้ง 3 คนเคยทำงานร่วมกันมาจึงขอให้ประชาชนมั่นใจ เพราะมีอุดมการณ์เดียวกันและมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกัน
เมื่อถามว่า ภายหลังเปิดตัวมีกระแสในพื้นที่กรุงเทพมหานครดีขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรามีโอกาสพบปะประชาชน ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่คิดว่าประชาชนคงต้องใช้เวลา 40 กว่าวันที่เหลือ ในการเปรียบเทียบและตัดสินใจ ซึ่งเราก็อยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะเราถือว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก เราไม่อยากให้ประเทศไทยติดหล่มอยู่กับสภาพเศรษฐกิจการเมืองแบบที่ผ่านมา จึงอยากให้ประชาชนพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสสำคัญที่เราจะทำให้ประเทศพ้นจากสภาพนี้ ให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เป็นสังคมที่สงบสุข และประเทศไทยกลับมาผงาดในเวทีโลกอีกครั้ง
ส่วนนอกจากแคมเปญไทยไม่ทนจะมีแคมเปญอื่น ออกมาช่วงเลือกตั้งเพื่อดึงคะแนนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ขณะนี้เราไล่เรียงสภาพปัญหาที่สัมผัสได้จากประชาชนในเรื่องที่เขาเหนื่อย ท้อและต้องทน แต่วันนี้เป็นโอกาสที่จะพ้นจากสภาพนั้น จึงได้เปิดแคมเปญไทยหายจน ซึ่งไม่ได้หมายถึงจนเงินอย่างเดียว จากนี้ไปจะทยอยเปิด นโยบายที่จะเป็นคำตอบว่า การแก้ปัญหาความจนแต่ละด้านเป็นอย่างไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนของพรรคประชาธิปัตย์ เรามีความชัดเจนว่าไม่ได้มาลอยๆ แต่เราจะระบุเป้าหมาย ที่เป็นตัวชี้วัดประเมินเราได้ถ้ามีโอกาสไปทำงาน เช่น ภายใน 4 ปีเศรษฐกิจไทยต้องเติบโตอย่างน้อยร้อยละ 5 อย่างที่เราเคยทำมาในอดีต ฉะนั้นเมื่อเศรษฐกิจโต หนี้สินของภาคประชาชนปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 80-90 ของรายได้ก็จะลดลงตามเหลือร้อยละ 60 เราจึงประกาศชัดว่าทั้งหมดทำได้ด้วยบ้านเมืองสุจริต หมายความว่าประเทศไทยต้องไม่ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 107 ในดัชนีความโปร่งใส และตัวเลขต้องสูงขึ้นอยู่ที่ประมาณ 80 เหมือนสมัยที่เราเป็นรัฐบาล ซึ่งเราจะทยอยอธิบายว่าการสร้างบ้านเมืองที่สุจริตเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยี ปรับรื้อกฎหมาย หรือ การเพิ่มทักษะให้กับบุคลากร ซึ่งจะเป็นคำตอบให้กับประชาชน
สำหรับที่มีการโจมตีใช้วาทะกรรมตอบโต้กันไปมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องวาทกรรม แต่เป็นความตั้งใจที่ประกาศและทำจริง
ส่วนที่ถูกโจมตีในเรื่องต่างๆทั้งเรื่องการชั่งไข่ ประชาธิปัตย์จะชี้แจ้งอย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความจริงเมื่อวานนี้ตนไม่มีการชี้แจงไปแล้ว 2-3 รายการ ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ประสงค์ตอบโต้ต่อความ แต่เราแสดงจุดยืน สำหรับการสร้างบ้านเมืองสุจริต ซึ่งสิ่งที่เราประกาศไป คือสิ่งที่ได้รับฟังจากประชาชน จำนวนมาก ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองหลุดพ้นจากสภาพปัจจุบัน หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่จับมือกับพรรคการเมือง พรรคประชาชนก็มีการประกาศเหมือนกัน
ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าประชาธิปัตย์จะได้ร่วมทำงานกับพรรคส้ม นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งมีความพยายามตีความ หรือบางครั้งเป็นการยัดเยียด ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งในวันนั้นตนเป็นคนที่พูดชัดเจนในกรณีที่คนเป็นห่วงเรื่อง การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งตนเป็นคนพูด เนื่องจากพรรคการเมืองต่างๆ ไม่มีใครพูดเรื่องนี้ยกเว้น การถูกถามเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นคนละฉบับกัน ซึ่งตนพูดชัดเจนว่านโยบายที่สร้างความแตกแยก เราจะไม่สนับสนุน และร่วมกับรัฐบาลที่มีนโยบายเช่นนั้น ฉะนั้นพรรคการเมืองใด ที่มีนโยบายแบบนี้เราจะไม่ร่วมอยู่แล้ว ซึ่งตนเคยพูดตั้งแต่ต้น และไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมีความพยายาม ที่จะมายัดเยียดหรือตีความให้ในสิ่งที่ตนไม่ได้พูด
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังย้ำอีกว่า เรื่องนี้อย่าตีความ เหตุใดบ้านเมืองทุกวันนี้จึงไม่ตรงไปตรงมา สิ่งที่ตนพูดนั้นเป็นข้อเท็จจริง ชัดเจน วันนี้ตนสนใจ อารมณ์ของประชาชนทั่วไป มากกว่านักวิเคราะห์หรือกูรูทางการเมือง พี่พยายามพูด ทิศทางเกมการเมือง ได้การเมืองตนพูดอยากได้การเมืองสุจริต เคยพบการเมืองบางพรรค ที่ไม่สามารถสร้างการเมืองสุจริต ตนก็ประกาศไม่ร่วม ซึ่งมีความตรงไปตรงมาง่ายๆ ส่วนใครอยากตีความก็ตีไป แต่เชื่อว่าประชาชนอยากเห็นบ้านเมืองสุจริต
เมื่อถามว่า มีความพยายามจับขั้วทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ระบุว่า เป็นเรื่องของคนอยากจับ วันนี้เราเดินหน้าสร้างบ้านเมืองสุจริต แสดงจุดยืนที่ชัดเจน เพราะการไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจน จะเปิดโอกาส กลับไปสู่การเมืองที่มีข้อตกลงลับ มีข้อตกลงแล้วฉีก หรือสลับขั้วเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพื่อจะทำให้บ้านเมืองอยู่ที่เดิม ดังนั้นวันนี้ประกาศให้ชัด และไม่ได้สร้างปัญหาให้กับใคร และทางพรรคที่เราไม่ร่วมด้วย เขาก็บอกไม่อยากให้เราร่วมอยู่แล้ว ก็เท่านั้นเอง
ขณะที่ พรรคการเมืองที่อยากจะร่วมด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คือทุกพรรคที่อยากสร้างบ้านเมืองสุจริต มรวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ทำเศรษฐกิจเติบโต เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
ส่วนมีโอกาสที่จะสามารถร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่าทำไมต้องถามต่อ ตอนนี้เราพูดกันชัดเจนอยู่แล้ว ขอให้ไปถามคนอื่นที่ไม่ตอบดีกว่า นั่นถือเป็นวาทกรรม สื่อประเภทที่พูดว่า ไม่ร่วมทุนเทา แต่หันไปหันมา สุดท้ายกลับไม่มีใครเป็นทุนเทา แล้วมาจากไหนในวันนี้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
