รีเซต

JASงบพัง! ขาดทุน794ล. พ่ายเน็ตบ้าน เงินสดมีปัญหา วอนปลดล็อคขายTTTBB

JASงบพัง! ขาดทุน794ล. พ่ายเน็ตบ้าน เงินสดมีปัญหา  วอนปลดล็อคขายTTTBB
ทันหุ้น
11 สิงหาคม 2566 ( 13:36 )
137

JAS อ่วมต่อเนื่อง ขาดทุนไตรมาส2 อีก 794 ล้านบาท ติดต่อกัน 5 ไตรมาส ธุรกิจอินเตอร์เน็ตวูบต่อเนื่อง รายได้หายอีก 8% สวนต้นทุนสูง ค่าเช่าเพิ่มทุกปี กระเสเงินสดหาย เงินลงทุนขยายโครงข่ายหด ทำพ่ายธุรกิจเน็ตบ้าน รับความล่าช้าในการขาย TTTBB และหน่วยลงทุน JASIF ทำให้ประสบปัญหาสภาพคล่อง ส่งจดหมายร้องขอ JASIF ยกเลิกสัญญาประกันรายได้และแก้ไขสัญญาเช่าหลัก หวังลดภาระ

 

นายสุพจน์ สัญญพิสิทธิ์กุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยผลประกอบไตรมาส 2/2566 ขาดทุน 794 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 565 ล้านบาท คิดเป็น 247% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งขาดทุนอยู่ที่ 229 ล้านบาท แต่ผลขาดทุนลดลง 81 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลงคิดเป็น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ซึ่งมีขาดทุนสุทธิ 875 ล้านบาท 

 

โดย EBITDA ไตรมาส 2 ปี 2566 อยู่ที่ 2,793 ล้านบาท ลดลง 460 ล้านบาท คิดเป็น 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา

 

@รายได้ลดต้นทุนเพิ่ม

 

ทั้งนี้รายได้กลุ่มธุรกิจอินเทอร์เน็ตลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปี 2565 โดยไตรมาสล่าสุด JAS มีรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ต 4,187 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 8% สวนทางกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากค่าเช่าโครงข่ายไฟเบอร์ที่เช่าจาก JASIF ซึ่งเดิมก็สูงกว่าต้นทุนของผู้เล่นรายอื่นๆ อยู่แล้ว เมื่อเผชิญกับอัตราค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 3% จากปีก่อน ทำให้ต้นทุนการให้บริการโดยรวมเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 2 ปีก่อน      

 

แม้ว่าจะมีการควบคุมค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ทำให้ JAS มีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสนี้ 794 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปีก่อนที่ขาดทุน 229 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดทุนติดต่อกัน 5 ไตรมาส

 

 @กระแสเงินสดลด

 

สำหรับรอบครึ่งปี 2566 JAS มีกระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานลดลง 500 ล้านบาท จากผลประกอบการที่แย่ลง ด้วยจากกระแสเงินสดที่จำกัด ทำให้เงินลงทุนในการขยายโครงข่ายใหม่ๆ ลดลงจาก 1,202 ล้าน เป็น 698 ล้านบาท ทำให้ 3BB ขยายโครงข่ายได้อย่างจำกัด และช่วงชิงลูกค้าได้ยากกว่าคู่แข่งรายอื่น

 

เมื่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแย่ลง เมื่อ JAS ต้องจ่ายกระแสเงินสดไปยังกิจกรรมจัดหาเงิน เช่น จ่ายคืนหนี้ต่างๆ ยิ่งทำให้กระแสเงินสดตึงตัว ทำให้ JAS จำเป็นต้องมีการก่อหนี้เงินกู้จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อให้กระแสเงินสดพียงพอ

 

@ วอน JASIF เลิกสัญญาประกันรายได้

 

บริษัทยังเดินหน้าธุรกรรมการจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัทย่อย และธุรกิจที่เกี่ยวข้องของบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB รวมถึงการจำหน่ายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF  ให้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN มูลค่ารวมทั้งสิ้น 32,420 ล้านบาท 

 

ตามมติคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2565 และมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกสทช. ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2566

 

เนื่องจาก ความล่าช้าของธุรกรรมการขาย TTTBB และหน่วยลงทุน JASIF ส่งผลให้ปัจจุบันกลุ่มบริษัทประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เนื่องจาก กระแสเงินสดรับจากรายได้ลดลงจากการแข่งขันในธุรกิจบรอดแบนอินเทอร์เน็ต ดังนั้น ในเดือนกรกฎาคม 2566 บริษัทฯ จึงได้ส่งจดหมายร้องขอต่อ BBLAM ในฐานะผู้จัดการกองทุนของ JASIF เพื่อให้พิจารณาอนุมัติการขอผ่อนผันเพื่อหยุดพักการชำระค่าเช่าและการผิดนัดค่าเช่าตามสัญญาประกันรายได้ ตลอดจนการยกเลิกสัญญาประกันรายได้และแก้ไขสัญญาเช่าหลัก ซึ่งได้พิจารณาและเรียกประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน ในวันที่ 23 สิงหาคม 2566

โดยภายหลังการทำธุรกรรมจำหน่ายธุรกิจบรอดแบนด์แล้วเสร็จ กลุ่มบริษัทฯ จะมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจ ใหม่ที่เริ่มดำเนินการไปแล้ว อย่างเช่น JAS Green ในไตรมาสนี้ได้มีการเริ่มทำ Marketing ร่วมกับ 3BB และธนาคารกสิกรไทย เพื่อ ให้สิทธิประโยชน์พิเศษแก่ลูกค้าโดยมีโปรโมชั่น Solar Rooftop ที่มีคุณภาพระดับ Tier1 ในราคาพิเศษนอกเหนือจากนั้นในส่วนของธุรกิจด้านสุขภาพเราได้เริ่มให้บริการแอพพลิเคชั่น JAS Care และก าลังอยู่ในช่วงของการพัฒนา Telehealth Platform โดยนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ด้วย

 

@ หาทางออกบิทคอยน์

 

สำหรับธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ราคาบิตคอยน์ถัวเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นโดยราคาถัวเฉลี่ยบิตคอยน์ของเดือนมิถุนายน เท่ากับ 27,582.03 ดอลลาร์สหรัฐ และราคาถัวเฉลี่ยบิตคอยน์ของเดือนกรกฎาคม เท่ากับ 29,975.43 ดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับการเกิดเหตุการณ์ Halving ของ Bitcoin (BTC) ในเดือนเมษายน 2567 ซึ่งจะทำให้บิตคอยน์ที่ขุดได้ลดลง 50% เมื่ออุปทาน (Supply) ลดลง ย่อมเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาบิตคอยน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมาก 

 

ถึงแม้ว่าค่ากระแสไฟฟ้าผันแปร (Ft) จะเพิ่มสูงที่สุดในช่วงเดือน มกราคม-เมษายน 2566 แต่ภาครัฐได้มีการปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) โดยในงวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2566 ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) เท่ากับ 91.19 สตางค์ต่อหน่วย (ปรับลดลง 63.73 สตางค์) และงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) เท่ากับ 66.89 สตางค์ต่อหน่วย (ปรับลดลง 24.30 สตางค์)  ทำให้ต้นทุนในการทำธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ลดต่ำลง 

 

ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ยังคงเร่งเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการย้ายเครื่องขุดบิตคอยน์ไปยังสถานที่ซึ่งมีศักยภาพและจุดเด่นด้านทรัพยากรต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านต้นทุน ค่าไฟฟ้าที่ต่ำกว่าหากเทียบกับประเทศไทย

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง