หุ้นสหรัฐฯร่วง 2-3% Fed ส่งสัญญาณเข้มงวดขึ้น
#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส
Fed ได้ส่งสัญญาณความเข้มงวดต่อการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ปรับตัวลงแรง (DJIA -2.6%, S&P500 -3%, Nasdaq -3.6%) ซึ่งทาง ฝ่ายกลยุทธ์ฯ ได้ออกบทวิเคราะห์เมื่อต้นสัปดาห์ให้ระมัดระวังการปรับตัวลงของตลาดจากประเด็นดังกล่าว และมองว่าจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการดีดตัวขึ้นของ Bond yield และการแข็งค่าของสกุลเงิน USD เพิ่มเติม
โดยวานนี้ Bond yield 10 ปีปรับตัวขึ้น +12bps มาอยู่ที่ระดับ 4.51% และดัชนี Dollar Index แข็งค่าขึ้น 1% ไปอยู่ที่ระดับ 108 จุด โดย Jerome Powell ประธาน Fed ได้แสดงความเห็นว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงใกล้เคียงกับการเข้าสู่ระดับสมดุล (Neutral) ของอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นแล้ว แต่ยังคงมองว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน ยังคงมีความเข้มงวดอย่างมีนัยยะสำคัญ และจากนี้ไปการดำเนินการเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายควรดำเนินการด้วยความระมัดระวังพร้อมกับติดตามความคืบหน้าในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ โดยธนาคารกลางได้ดำเนินการหลายอย่างเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 100bps จากระดับสูงสุด
ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งล่าสุด Fed มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 4.25 - 4.50% โดยมีกรรมการ 1 ท่าน (Beth M. Hammack) เห็นควรว่าควรคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ในส่วนของ Dot Plot ล่าสุดนั้น ทาง Fed ได้มีการขยับค่ากลาง (Median) ของระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมในปี 2568 ขึ้นมาอยู่ที่ 3.9% จากเดิมที่ 3.4% หรือปรับขึ้น 50bps จากมุมมองเดิม ขณะที่สำหรับปี 2569-70 ได้มีการขยับ Dot Plot ขึ้นมาเช่นกัน โดยปรับขึ้น 50bps (@3.4%) ใน ปี 2569 และปรับขึ้น 20bps (@3.1%) ในปี 2570
ทั้งนี้ Dot Plot ดังกล่าวออกมาสอดคล้องกับมุมมองของตลาดการเงิน (Fed Watch Tool) ก่อนหน้านี้ (ก่อนการประชุม Fed) ที่คาดว่าระดับอัตราดอกเบี้ย ณ สิ้นปี 2568 จะอยู่ที่ 3.75 - 4.00% (หรือลดลง 50bps) แต่สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ (Bloomberg survey) ประเมินไว้ที่ 3.50 - 3.75% (หรือลดลง 75bps)
.
อย่างไรก็ดี หลังผลประชุม Fed ประกาศออกมาเมื่อคืนนี้ตลาดการเงินได้มีมุมมองที่ระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพียง 1 ครั้งในปีหน้า (-25bps สู่ระดับ 4.00 - 4.25%)สะท้อนความกังวลของตลาดมากขึ้นต่อทิศทางต้นทุนการกู้ยืมที่อาจไม่ปรับลดลงต่อเนื่องในระยะข้างหน้าจากการส่งสัญญาณของ Fed ทั้งในแง่ถ้อยแถลง และประมาณการซึ่งทำให้เรามองว่ายังต้องระมัดระวังความผันผวนที่มากขึ้นของตลาดในช่วงนี้ส่วนหนึ่งสะท้อนผ่านการพุ่งขึ้นอย่างมากกว่า 70% ของดัชนี VIX มาอยู่ที่ 27.62 จุด (vs. 15.87 จุด วันก่อน)
โดยในแง่ประมาณการ Fed ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP (Q4/Q4) ของสหรัฐฯ ในปีนี้และปีหน้าขึ้นมาอยู่ที่ 2.5% และ 2.1% ตามลำดับ (vs. เดิมคาดที่ 2.0% ทั้งสองปี) และประเมินอัตราการว่างงาน ณ สิ้นปีนี้อยู่ที่ 4.2% (เดิม 4.4%) และปีหน้าอยู่ที่ 4.3% (เดิม 4.4%) ด้านเงินเฟ้อ Core PCE ล่าสุดคาดอยู่ที่ 2.8% จากเดิม 2.6% ในปีนี้ และคาด 2.5% จากเดิม 2.2 ในปีหน้า
ดังนั้น โดยภาพรวม Fed ยังมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่ง และมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ชะลอลงช้ากว่าที่ประเมินไว้เดิม สอดรับกับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงก่อนหน้านี้
ขณะที่หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ปรับตัวลงแรง อาทิ Coinbase -10.2%, MicroStrategy -9.5% หลัง Powell กล่าวว่า Fed ไม่ได้รับอนุญาตให้ถือ Bitcoin และทาง Fed จะไม่พยายามผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สามารถถือครอง Bitcoin ได้
.
เช้านี้จับตาผลการประชุม BoJ โดยตลาดการเงินและผลสำรวจมุมมองนักเศรษฐศาสตร์ (Bloomberg survey) คาดว่า BoJ อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ ซึ่งเป็นแรงหนุนให้ค่าเงินเยน (USD/JPY) ปรับตัวอ่อนค่าขึ้นมาต่อเนื่องอยู่ที่ระดับราว 154-155 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังสัปดาห์ก่อนมีรายงานข่าวว่า BoJ อาจพิจารณาเลื่อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน เนื่องจากมองว่ามีต้นทุน (Cost) เกิดขึ้นไม่มาก
นอกจากนี้ การส่งสัญญาณที่เข้มงวดขึ้นของ Fed ซึ่งส่งผลให้เกิดความผันผวนของตลาดการเงินตั้งแต่เมื่อคืน อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทำให้ BoJ นำมาพิจารณาประกอบเพิ่มเติมเพราะต้องระมัดระวังมากขึ้นต่อการตอบสนองของตลาดการเงิน ในการจะกลับมาดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด
อย่างไรก็ดี ต้องระวังหาก BoJ สร้างเซอร์ไพรส์ให้แก่ตลาดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินเยนพลิกกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็วได้และเป็นปัจจัยกดดัน Sentiment ต่อตลาดเพิ่มเติม (หลัง Fed ขยับ Dot Plot ขึ้น) ขณะที่การที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าเร็วเกินไป (High เดิมอยู่ที่ราว 161 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) อาจสร้างความกังวลให้แก่ BoJ จากเงินเฟ้อที่จะส่งผ่านจากต้นทุนนำเข้าที่เพิ่มขึ้นตามการอ่อนค่าของเงินเยน และทำให้ต้องมีการส่งสัญญาณแทรกแซงทางวาจา (Verbal intervention) เพื่อชะลอการอ่อนค่าของเงินเยนไว้ ผ่านการเหนี่ยวรั้งเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation expectations)
ด้านรายงานตัวเลขเศรษฐกิจวานนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของยูโรโซนอยู่ที่ 2.2% YoY ในเดือน พ.ย. ต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อยที่ 2.3% แต่สูงกว่าเดือนก่อนที่ 2.0% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.7% เท่ากับตลาดคาดและเดือนก่อน
สำหรับญี่ปุ่น ตัวเลขส่งออกเพิ่มขึ้น 3.8% YoY ในเดือน พ.ย. (vs. ตลาดคาด 2.5% และเดือนก่อน 3.1%) ส่วนการนำเข้าหดตัวที่ -3.8% (vs. ตลาดคาด 0.8% และเดือนก่อน 0.4%)
ขณะที่ยอดก่อสร้างบ้านใหม่ (-1.8% MoM vs. ตลาดคาด 2.6% และ เดือนก่อน -3.2%) และยอดขอรับอนุญาตก่อสร้าง (6.1% MoM vs. ตลาดคาด 1.0% และเดือน ก่อน -0.4%) ของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. ออกมาผสมผสาน
โดย Fed สาขา Atlanta ได้เปิดเผยว่าแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุด ชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะยังคงขยายตัวได้ดีที่ 3.2% Annualized QoQ ในไตรมาสสี่ เทียบกับระดับ 2.8% ในไตรมาสสาม และ 3.0% ในไตรมาสสอง
ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้จากทางสหรัฐฯ ได้แก่ GDP (Q3), Philadelphia Fed Business Outlook (ธ.ค.), Kansas City Fed Manf. Activity (ธ.ค.), Initial Jobless Claims (สิ้นสุดสัปดาห์ที่ 14 ธ.ค.) และ Existing Home Sales (พ.ย.) นอกจากนี้ จะมีการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.75%
ดัชนี Hang Seng (HSI) +0.83%, Hang Seng China Enterprises(HSCE) +1.06% และ Hang Seng TECH (HSTECH) +1.82% หลังจากที่สำนักงานข่าวรอยเตอร์รายงานว่าคณะผู้นำเองจีนอาจจะเพิ่มการขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 4% ของ GDP ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าเป้าหมายปีที่ขาดดุล 3% ของ GDP ขณะที่อาจจะคงเป้าหมายการขยายตัวของ GDP ไว้ที่ประมาณ 5% เช่นเดิม สำหรับปี 2568
- Geely Automobile (175 HK) +4.12% หลังนักวิเคราะห์จาก UBS ปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ ระดับ HKD19.8 (จากเดิม HKD16.2) โดยคาดวาทำไรในปี 2568 จะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สนับสนุนจากยอดขายของรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะทยอยเปิดตัวในปีหน้า อีกทั้งบริษัทลูกอย่าง Zeekr และ Lynk&Co ที่บริษัทได้ไปซื้อมา คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
- Meituan (3690 HK) +0.95%หลังบริษัทประกาศความร่วมมือในด้าน Strategic partner กับ Walmart China โคยความร่วมมือในครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงความหลากหลายของสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และเพิ่มความสามารถในการเผ่พันด้านการตลาด ทั้งนี้ ร้านค้า Walmart ทั่วประเทศจีนได้เข้าร่วมในแพลตฟอร์มของ Meituan เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ Xiao Kun รองประธานของ Meituan ระบุว่าธุรกิจของบริษัทถูกออกแบบมาเพื่อจัดส่งสินค้าทุกอย่างถึงบ้านภายใน 30 นาที