รีเซต

ส่งกลับ! คนไทยร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในกัมพูชา

ส่งกลับ! คนไทยร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในกัมพูชา
TNN ช่อง16
25 ธันวาคม 2564 ( 12:24 )
131

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส  เปิดเผยถึงการบุกเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา  ว่า กระทรวงดีอีเอส ได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการสืบสวนสอบสวน สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจของกัมพูชา เข้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีคนจีนเป็นหัวหน้าแก๊ง และมีคนไทยที่ถูกว่าจ้างไปเป็นทีมกว่า 300 คน ใช้วิธีการโทรเข้ามาหลอกคนไทยให้โอนเงินเข้าบัญชีม้า สร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งในการเข้าจับกุมครั้งนี้ พบคนไทยกว่า 30 คน โดยลักษณะอาคารสำนักงานเป็นเหมือนอพาร์ตเม้นต์ขนาดใหญ่ที่น่าจะอยู่อาศัยได้ถึง 300 คน มีโทรศัพท์เชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งหัวหน้าแก๊งค์ คือ นายพยัคฆพล ทำงานร่วมกับแก๊งมาเฟียจีนที่เป็นนายทุน ซึ่งจากนี้ไปจะต้องประสานกับกัมพูชาไม่ให้มีการกระทำผิดลักษณะตั้งแก๊งค์มาหลอกคนไทยอีก 


ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบก.สส.สตม.) ในฐานะหัวหน้าชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 1 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เปิดเผยว่าผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 39 คน และคนจีนที่เป็นผู้บงการที่ถูกตำรวจไทยและกัมพูชาบุกจับกุมได้ที่กรุงพนมเปญและเมืองสีหนุวิลล์  สืบเนื่องจากการหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการกัมพูชาเพื่อร่วมดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ไทย ซึ่งได้ส่งตัวคนไทยทั้งหมดกลับมาดำเนินคดีที่ไทย ผ่านทางด่านชายแดน จ.สระแก้วแล้ว 




สำหรับขั้นตอนเมื่อถึงไทย ต้องผ่านพิธีการเข้าเมืองและต้องกักตัวตามมาตรการสาธารณสุข จากนั้น จะดำเนินการสอบสวนรายบุคคล เพื่อคัดแยกการกระทำความผิดและดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำชับให้ สตม.ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดพร้อมขยายผลในทุกมิติ เพื่อออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการต่อไป


ทั้งนี้ พล.ต.ต.พันธนะ ย้ำว่า เบื้องต้นคนไทยทั้งหมด ได้ลักลอบเดินทางออกจากเมืองไทยทางช่องทางธรรมชาติโดยผิดกฎหมาย เพื่อไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยผ่านนายหน้า ซึ่งเชื่อว่ามีนายทุนใหญ่เป็นคนจีนที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในกัมพูชา  ซึ่งหากสอบสวนพบการกระทำความผิดใดเพิ่มเติม จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าก่อให้เกิดความเสียหายให้กับคนไทยจำนวนมากมูลค่าความเสียหายรวมเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท 


สำหรับ นายพยัคฆพล อายุ 30 ปี ที่มีหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันฟอกเงิน นั้น ถือเป็นตัวการใหญ่ที่ทำหน้าที่โอนเงินผ่านบัญชีต่างๆให้กับขบวนการนี้เบื้องต้นได้อายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว และจะดำเนินการยึดทรัพย์ตามขั้นตอนของ ป.ป.ง. ต่อไป



ภาพจาก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง