รีเซต

เครื่องบินขับไล่ไร้คนขับ "Fury" ที่พัฒนาโดยบริษัท Anduril ประสบความสำเร็จในการบินทดสอบครั้งแรก

เครื่องบินขับไล่ไร้คนขับ "Fury" ที่พัฒนาโดยบริษัท Anduril ประสบความสำเร็จในการบินทดสอบครั้งแรก
TNN ช่อง16
16 พฤศจิกายน 2568 ( 13:45 )
2

บริษัทเทคโนโลยีด้านกลาโหม Anduril Industries ซึ่งมีฐานที่ตั้งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญด้วยการเสร็จสิ้นการทดสอบบินครั้งแรกของเครื่องบินขับไล่กึ่งอัตโนมัติต้นแบบที่ชื่อว่า "Fury" โดยเครื่องบินรุ่นนี้เป็นเครื่องบินที่ถูกออกแบบมาโดยไม่มีห้องนักบิน 

ความสำเร็จนี้ใช้เวลาพัฒนาเพียง 556 วัน นับตั้งแต่เริ่มออกแบบจนกระทั่งเครื่องบินสามารถบินขึ้นได้ด้วยการสั่งการเพียงปุ่มเดียว (One-click takeoff) การก้าวข้ามขีดจำกัดดังกล่าวทำให้บริษัท Anduril กลายเป็นผู้แข่งขันสำคัญในการชิงตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยีการบินไร้คนขับ โดยมีคู่แข่งสำคัญอย่างเช่น บริษัท General Atomics ที่ใช้การพัฒนาเครื่องบินไร้คนขับ XQ-67A รวมถึงความก้าวหน้าอย่างมากของประเทศจีนในด้านเครื่องบินไร้คนขับเช่นกัน 

การพัฒนาและบทบาทในกองทัพอากาศสหรัฐฯ

โครงการทดสอบบินสำหรับเครื่องบินทดสอบ YFQ-44A นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ภายหลังบริษัท Anduril เข้าซื้อกิจการ Blue Force Technologies ในเดือนกันยายน ปี 2023 ซึ่งเป็นบริษัทขนาดเล็กในนอร์ทแคโรไลนาที่พัฒนาเครื่องบินไร้คนขับ "Fury" ขึ้นมาตั้งแต่ต้น ขณะที่บริษัท Anduril ได้ทำการพัฒนาแพลตฟอร์มด้านซอฟต์แวร์สำหรับการควบคุมและสั่งการระบบอัตโนมัติของเครื่องบิน

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท Anduril ได้รับเลือกจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ (US Air Force) ให้ทำการออกแบบและสร้างอากาศยานรบร่วม (Collaborative Combat Aircraft - CCA) อากาศยานไร้คนขับเหล่านี้จะถูกนำมาใช้เพื่อเสริมภารกิจของเครื่องบินขับไล่ที่มีนักบินในการปฏิบัติการต่างๆ เช่น การลาดตระเวน (Reconnaissance), การเฝ้าระวัง (Surveillance), รวมถึงการรบแบบอากาศสู่พื้นดินและอากาศสู่อากาศ โดยไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์อยู่บนเครื่อง

ความสามารถด้านการบินอัตโนมัติและระบบอาวุธ

เครื่องบินไร้คนขับ "Fury" ถูกออกแบบมาให้สามารถทำการบินขึ้น, บิน, และลงจอดได้ด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ และยังสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์การรบที่มีความซับซ้อนในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งสำคัญ คือ เครื่องบินลำนี้ไม่ได้ถูกควบคุมจากระยะไกลโดยนักบินที่เป็นมนุษย์ แต่จะถูกตรวจสอบสังเกตการบินโดยบุคลากรที่อยู่บนพื้นดินเท่านั้น ซึ่งสามารถออกคำสั่งเพื่อเริ่มและยกเลิกภารกิจได้ อย่างไรก็ตาม บุคลากรดังกล่าวมีหน้าที่อนุมัติการดำเนินการบินเฉพาะคำสั่งสำคัญ ๆ เท่านั้น เช่น การยิงอาวุธหรือการปล่อยกระสุน

เครื่องบินไร้คนขับ "Fury" มีระบบอาวุธที่ติดตั้งอย่างสมบูรณ์บนเครื่อง ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในสถานการณ์การรบ และตอบสนองตามความเหมาะสม 

ดร. เจสัน เลวิน (Jason Levin) รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมของบริษัท ระบุว่า ระบบนี้มีความสามารถในการ "ระบุเป้าหมายและสั่งการผลกระทบ เพิ่มประสิทธิภาพในการสังหาร, การอยู่รอด, และประสิทธิผลของทีมรวม" โดยความสามารถด้านซอฟต์แวร์และ AI ที่เรียกว่า Lattice for Mission Autonomy ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เครื่องบิน "Fury" สามารถปรับตัวและตอบสนองต่อสภาวะที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสนามรบได้

เป้าหมายการผลิตขนาดใหญ่และราคาที่เอื้อมถึง

หลังจากที่เครื่องบินไร้คนขับ "Fury" ได้พิสูจน์ความสามารถบนท้องฟ้าแล้ว เป้าหมายต่อไปของบริษัท Anduril คือ การเริ่มต้นการผลิตในปริมาณมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 ที่โรงงานผลิตแห่งใหม่ในเมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ซึ่งมีขนาดพื้นที่ 5 ล้านตารางฟุต

เครื่องบินไร้คนขับ "Fury" ถูกออกแบบมาโดยมีเป้าหมายในการผลิตจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและมีราคาไม่แพง โดยมีต้นทุนที่ต่ำกว่าเครื่องบินขับไล่แบบดั้งเดิมมาก 

บริษัท Anduril เปิดเผยว่า บริษัทได้เลือกใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกับเครื่องบินธุรกิจเชิงพาณิชย์ และส่วนประกอบล้อลงจอดที่หาได้ง่ายในท้องตลาด แทนที่จะใช้อุปกรณ์สั่งทำพิเศษหรือระบบขับเคลื่อนสำหรับเครื่องบินทหารโดยเฉพาะ บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อให้เครื่องบิน "Fury" สามารถผลิตได้ง่ายและราคาไม่แพง เพื่อให้สามารถผลิตในโรงงานที่มีขนาดแตกต่างกันทั่วสหรัฐอเมริกาได้

ผลกระทบต่ออนาคตของการทำสงคราม

เทคโนโลยีการบินอัตโนมัติในลักษณะนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงแนวทางที่ประเทศชาติต่างๆ ใช้ในการเผชิญหน้ากับความขัดแย้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเป็นอิสระและความรับผิดชอบในการตัดสินใจในสงคราม ซึ่งอาจคล้ายกับประเด็นที่เคยเกิดขึ้นกับโดรนควบคุมระยะไกล ที่ยังคงใช้การควบคุมการบินที่รอบคอบและถูกใช้งานอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด โดยยังคงมีมาตรฐานความปลอดภัยที่น่าเชื่อได้

สำหรับเครื่องบินไร้คนขับนั้นแตกต่างจากโดรนบิน โดรน" (Drone) เป็นคำเรียกทั่วไปสำหรับอากาศยานที่ไม่มีคนขับ ส่วน "เครื่องบินไร้คนขับ" หรือที่ใช้ศัพท์เทคนิคว่า UAV/UAS มักใช้ในบริบทที่เป็นทางการ มีความสามารถสูงกว่าโดรนทั่วไป และมักใช้ในภารกิจเฉพาะทาง ตัวอย่างเช่น

โดรนถ่ายภาพ DJI Phantom หรือ Mavic ที่คุณเห็นบินในสวนสาธารณะหรือใช้ถ่ายภาพงานแต่งงาน

ในขณะที่เครื่องบินไร้คนขับ (UAV/UCAV) เช่น MQ-9 Reaper: UAV ขนาดใหญ่ที่กองทัพสหรัฐฯ ใช้ในการลาดตระเวนและโจมตีจากระยะไกล ส่วน เครื่องบินไร้คนขับ "Fury" ของบริษัท Anduril จัดเป็น UCAV (Unmanned Combat Aerial Vehicle) หรืออากาศยานรบไร้คนขับ ซึ่งเป็น UAV ขั้นสูงสุดที่มีความสามารถในการตัดสินใจและปฏิบัติภารกิจต่อสู้ที่ซับซ้อนด้วยตนเอง (Autonomous) 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง