รีเซต

"โอมิครอน" แตกหน่อกว่า 540 สายพันธุ์ย่อย-เตือนคนไทยจำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้!

"โอมิครอน" แตกหน่อกว่า 540 สายพันธุ์ย่อย-เตือนคนไทยจำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้!
TNN ช่อง16
16 ธันวาคม 2565 ( 08:10 )
66
"โอมิครอน" แตกหน่อกว่า 540 สายพันธุ์ย่อย-เตือนคนไทยจำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้!

โควิด "โอมิครอน" แตกหน่อมากกว่า 540 สายพันธุ์ย่อย ไทยยังระบาดอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดเสี่ยงป่วยรุนแรง เสียชีวิต และ Long COVID

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat  ระบุว่า T 16 ธันวาคม 2565 เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 395,995 คน ตายเพิ่ม 917 คน รวมแล้วติดไป 655,934,350 คน เสียชีวิตรวม 6,665,797 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และฮ่องกง

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 17 ใน 20 อันดับแรกของโลก

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 90.64 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 72.62

...อัพเดตจาก WHO

องค์การอนามัยโลกเผยแพร่ข้อมูลรายสัปดาห์ WHO Weekly Epidemiological Update ประจำวันที่ 14 ธันวาคม 2565

ปัจจุบันสายพันธุ์ Omicron ครองสัดส่วนสูงถึง 99.5% 

Omicron นั้นมีการแตกหน่อ มีลูกหลานไปมากถึงกว่า 540 สายพันธุ์ย่อย ทั้งนี้เป็นไวรัสลูกผสมที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ย่อยกัน หรือที่เรียกว่า recombinant กว่า 61 สายพันธุ์ย่อย

ลักษณะการเปลี่ยนแปลงของไวรัสที่สังเกตเห็นกันในช่วงนี้นั้นคือ มีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่งที่พบบ่อยหรือพบซ้ำต่อเนื่องในหลายสายพันธุ์ย่อย ทำให้สะท้อนว่า ไวรัสตัวใหม่ๆ มีแนวโน้มที่จะมีวิวัฒนาการไปในทิศทางคล้ายกัน (Convergent evolution) 

ที่สำคัญคือ ตำแหน่งการกลายพันธุ์เหล่านั้นดูจะสัมพันธ์กับสมรรถนะของไวรัสที่พัฒนาเพื่อให้ดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากขึ้น (immune evasiveness)

WHO ระบุว่ามี 5 สายพันธุ์ย่อยที่อยู่ในการติดตามอย่างใกล้ชิดในปัจจุบัน

BA.2.75.x

เริ่มมีรายงานตั้งแต่ช่วงธันวาคม 2564 และระบาดในกลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงปัจจุบันมีการแพร่กระจายไปทั่วโลกถึง 85 ประเทศ 

แต่เดิมระบาดมากในอินเดีย และบังคลาเทศ ต่อมาถูกแทนที่ด้วย XBB 

ขณะนี้ประเทศที่พบว่ามีความชุกของสายพันธุ์ย่อยนี้สูงสุดได้แก่ ประเทศไทย (53.8%), ออสเตรเลีย (25.1%), มาเลเซีย (22.5%), จีน (18.8%), และนิวซีแลนด์ (16.3%)

BA.5

ครองการระบาดทั่วโลกมายาวนาน เพราะมีสมรรถนะการติดเชื้อเร็ว และดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากกว่าสายพันธุ์เดิมอย่าง BA.1 และ BA.2 โดยตรวจพบแล้วใน 119 ประเทศ

BQ.1.x

จัดเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีอัตราการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุด ขณะนี้กระจายไปแล้ว 90 ประเทศ 

XBB.x

เป็นลูกผสมระหว่าง BA.2.10.1 กับ BA.2.75 โดยมีการรายงานครั้งแรกเมื่อสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา 

ปัจจุบันระบาดกระจายไป 70 ประเทศทั่วโลก แต่ความชุกยังไม่มากนักราว 3.8% 

ประเทศที่พบมากได้แก่ อินเดีย (62.5%), โดมินิกัน (48.2%), สิงคโปร์ (47.3%), มาเลเซีย (40.9%), และอินโดนีเซีย (29.3%)

และ BA.2.30.2 มีตำแหน่งการกลายพันธุ์หลายตำแหน่งที่คล้ายคลึงกับสายพันธุ์ย่อยต่างๆ ข้างต้น ยังมีรายงานการระบาดไม่มากนัก แต่พบได้ในแทบทุกทวีป 

...ในภาพรวมแล้ว พบว่าสายพันธุ์ BA.2.75.x และ XBB ขยายตัวอย่างช้าๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกตะวันตก

ในขณะที่ BQ.1.x และ BA.5 ซึ่งมีการกลายพันธุ์เพิ่มจากเดิม 5 ตำแหน่ง มีการระบาดขยายตัวขึ้นค่อนข้างเร็วกว่า และกระจายไปทั่วโลก

...การระบาดของไทยเรายังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ควรใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท ระมัดระวังตัวเสมอเวลาออกไปใช้ชีวิตประจำวัน

จำเป็นต้องไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดเสี่ยงป่วยรุนแรง เสียชีวิต และ Long COVID

หากไม่สบาย ไอ เจ็บคอ ไข้ คัดจมูก ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ควรตรวจ ATK 

ถ้าผลบวก แปลว่าติดเชื้อ ควรแยกตัวจากผู้อื่นอย่างน้อย 7-10 วันจนกว่าอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ และตรวจซ้ำได้ผลลบ จึงออกมาใช้ชีวิตป้องกันตัวเคร่งครัดจนครบสองสัปดาห์

หากป่วย แต่ตรวจได้ผลลบ อย่าเพิ่งวางใจ อาจเป็นผลลบปลอมได้ จึงควรตรวจซ้ำทุกวันอย่างน้อย 3 วันติดกัน

ย้ำอีกครั้งว่า สภาพแวดล้อมในสังคมปัจจุบันมีการติดเชื้อแพร่เชื้อจำนวนมาก มีความเสี่ยงมาก จำเป็นต้องป้องกันตัวให้ดี

ไม่ติดเชื้อ หรือไม่ติดเชื้อซ้ำ ย่อมดีที่สุด เพราะติดแล้วไม่ใช่แค่ชิลๆ แล้วหาย แต่ป่วยหนักได้ ตายได้ และเสี่ยงต่อ Long COVID ระยะยาวที่บั่นทอนคุณภาพชีวิต สมรรถนะการใช้ชีวิต

การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก




ข้อมูลจาก รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์

ภาพจาก AFP

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง