MTC กำไรดีตามคาด บล.กสิกรฯ-บล.กรุงศรีแนะ “ซื้อ”

#MTC #ทันหุ้น – บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิ 1,571.22 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.74 บาท เพิ่มขึ้น 13.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,389.38 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.66 บาท
.
บล.กสิกรไทยระบุว่าผลประกอบการ MTC ไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิ: 1.57พันล้านบาท (+2% QoQ, +13% YoY) ตรงตามคาด
ปัจจัยหนุนหลัก:
สินเชื่อเติบโต +2% QoQ, +14% YoY (โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ)
Credit cost ลดลงเหลือ 2.4% (จาก 3.1% YoY และ 2.8% QoQ)
ราคารถมือสองดีขึ้น ทำให้ขาดทุนจากรถยึดลดลง
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII): ลดลงเล็กน้อย -1% QoQ (จาก NIM ลดลง 44bps) แต่ยังโต +7% YoY
คุณภาพสินทรัพย์: NPL ratio ลดลงเล็กน้อยเป็น 2.7% (จาก 2.8%) Coverage ratio เพิ่มขึ้นเป็น 138% (จาก 135%) สะท้อนการควบคุมความเสี่ยงได้ดี แม้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
.
กำไรไตรมาส 1/68 คิดเป็น 23% ของประมาณการกำไรทั้งปี คาดกำไรไตรมาส 2/68จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง บล.กสิกรไทยคาดว่ากำไรไตรมาส 2/68จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 1/68โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่ออย่างต่อเนื่องที่มากกว่า 10% YoY การแข่งขันที่สมเหตุสมผลมากขึ้นในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่คาดว่าจะลดลง
บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" MTC และราคาเป้าหมายที่ 49 บาท บล.กสิกรไทยชอบ MTC จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โมเมนตัมที่แข็งแกร่งในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และอาจมี upside จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงการอัปเกรดเครดิตเรตติ้งที่อาจเกิดขึ้น
.
บล.กรุงศรีระบุว่า MTC กำไรทำจุดสูงสุดใหม่
บล.กรุงศรีคงคำแนะนำ Buy ที่ราคาเหมาะสมที่ 58 บาท และคงเป็น Top Pick ของกลุ่มConsumer Finance เพราะ i) มีการพัฒนาการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ในเชิงบวกตั้งแต่ไตรมาส 3/66 และการตามเก็บหนี้ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อในไตรมาส 2/68 ii) ผลประกอบการ 2568 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 1,571 ลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +13% y-y และ +2% q-q ผลักดันหลักจาก i) การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรวม +2%q-q หรือคิดเป็น +2%YTD จากกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลัก และการขยายสาขา ii) การลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) จากการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ดีขึ้น NPL Ratio ที่ 2.69% ลดลงต่อจาก 2.75% ในไตรมาส 4/67