รีเซต

ไทยติดเรดาร์การค้าโลก! "Geopolitical Pivot" ปลดล็อกโอกาสลงทุน SET ฟื้นตัว

ไทยติดเรดาร์การค้าโลก! "Geopolitical Pivot" ปลดล็อกโอกาสลงทุน SET ฟื้นตัว
TNN ช่อง16
14 พฤษภาคม 2568 ( 12:12 )
17

"ไทยบนเรดาร์การค้าโลก" กลายเป็นประเด็นร้อนที่นักลงทุนจับตามอง หลังนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ชี้โอกาสทองจากการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ภูมิรัฐศาสตร์โลก (Geopolitical Pivot) ช่วยลดแรงกดดันที่ตลาดเคยกังวลว่าไทยจะ "ตกขบวน" พร้อมเปิดโผหุ้นเด่นรับอานิสงส์

นายกรภัทร วิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทย (SET Index) วันนี้ (14 พ.ค. 68) ว่ามีแนวโน้มค่อยๆ ไต่ระดับขึ้น รับข่าวดีจากการเข้าสู่โหมดเจรจาการค้า โดยให้แนวต้านสำคัญที่ 1231 และ 1240 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1206 และ 1200 จุด สำหรับหุ้นเด่นที่น่าจับตาเป็นพิเศษในวันนี้ ได้แก่ AMATA, WHA, PTTEP, และ PTT

ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดและโอกาสของไทย:

  1. Trade Realignment – จุดเปลี่ยนยุทธศาสตร์ไทยในเวทีโลก:นายกรภัทรให้ความสำคัญกับการที่นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เอ่ยชื่อประเทศไทย ร่วมกับ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และไต้หวัน ว่าเป็น "สัญญาณสำคัญ" บ่งชี้ว่าไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็น พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ในโซ่อุปทานโลกใหม่ (New Strategic Supply Chain) ซึ่งยกระดับไทยสู่สถานะ "ตัวเลือกหลัก ไม่ใช่ทางเลือก"

    • โอกาสทอง: เปิดประตูสู่การเป็นฐานการผลิตเทคโนโลยีขั้นกลาง (Mid-tech Manufacturing)
    • ดึงดูด FDI: ส่งเสริมการลงทุนโดยตรง (FDI) จากชาติตะวันตก โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
    • หุ้นกลุ่มเด่น: กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (WHA, AMATA, ROJNA) และกลุ่มโลจิสติกส์ (WICE, JWD ซึ่งปัจจุบันคือ SJWD, TTA) กลายเป็นธีมการลงทุนเชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geo-Economic Play) ที่น่าสนใจ
    • ตลาดเพื่อนบ้านคึกคัก: แรงหนุนเพิ่มเติมจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ (9.30 น.) โดยเกาหลีใต้ +1.09%, อินโดนีเซีย +1.59%, และไต้หวัน +1.6% สร้างความคาดหวังเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย
  2. Trump 2.0 – โอกาสท่ามกลางความเสี่ยงที่ต้องจับตา:แม้ทิศทางการเจรจาการค้าจะดูเป็นบวก แต่ บล.กรุงศรี เตือนว่านักลงทุนไม่ควรมองข้ามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะหากไทยถูกมองว่าได้เปรียบดุลการค้ามากเกินไป หรือมีการพึ่งพา Supply Chain จากจีนในสัดส่วนที่สูง อาจเผชิญกับมาตรการภาษีนำเข้าในอนาคต

    • Scenario Planning ที่น่าสนใจ:
      • Base Case (โอกาส 65%): ไทยเจรจาสำเร็จ ได้รับอัตราภาษีนำเข้าพิเศษทัดเทียมประเทศเพื่อนบ้าน
      • Bear Case (โอกาส 35%): ไทยไม่สามารถพิสูจน์แหล่งที่มาสินค้าได้ อาจถูกจัดเป็น "Indirect Chinese Exporter" และเผชิญอัตราภาษีที่สูงกว่า การเจรจาครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในระยะยาว ที่รัฐบาลจำเป็นต้องวางยุทธศาสตร์อย่างรอบคอบและสมดุล
  3. ค่าเงินบาท – ลุ้น Fund Flow พลิกกลับ:แม้ปัจจุบันกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ยังคงมีสถานะขายสุทธิ (Net Outflow) แต่นายกรภัทรประเมินว่า การเจรจาการค้าและมุมมองเชิงบวกจากสหรัฐฯ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และเม็ดเงินลงทุนในตลาดทุน (Portfolio Flow) ให้เริ่มไหลกลับเข้ามาในช่วงกลางปีนี้

    • แนวโน้มเงินบาท: คาดการณ์ว่าเงินบาทจะ "ไม่อ่อนค่าจนเกินไป" และมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ที่ 33.0 – 34.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นจากการเจรจา

กลยุทธ์ลงทุนและหุ้นแนะนำ:

บล.กรุงศรี แนะนำกลยุทธ์ "Reopening Trade Plays" โดยยังคงเน้นหุ้นเด่นประจำวันอย่าง AMATA, WHA, PTTEP, และ PTT พร้อมทั้งชี้เป้ากลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุนเพิ่มเติม:

  • อิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, HANA): รับอานิสงส์การเร่งย้ายฐานการผลิตชิ้นส่วน Midstream Components โดยเฉพาะในกลุ่ม AI และ IoT
  • นิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ (AMATA, WHA, SJWD): ได้ประโยชน์โดยตรงจาก FDI ที่จะไหลเข้าสู่ฐานการผลิตใหม่
  • Consumer Reopening (CPALL, BJC, MINT): ได้รับ Sentiment บวกจากการเปิดการค้าระดับภูมิภาค และการเติบโตของการท่องเที่ยวข้ามชาติ
  • ธนาคาร/ประกัน (KBANK, TLI): น่าสนใจจากแนวโน้มเงินเฟ้อลดลง และอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัว
  • พลังงาน/ปิโตรเคมี (PTT, PTTEP, SPRC, IVL, SCC, PTTGC): มีโอกาสฟื้นตัว (Rebound)

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง