เจรจา สร้างโอกาส ปราบสินค้าสวมสิทธิ์ พาณิชย์จับมือเอกชนพลิกเกมส่งออก

รัฐมนตรีพาณิชย์มั่นใจไทยเจรจาสหรัฐสำเร็จ ด้านหอการค้าเตือนธุรกิจยังไม่รู้ภาษีชัดเจน พร้อมเสนอใช้วิกฤตซัพพลายเชนสร้างโอกาสใหม่
เมื่อประเด็นภาษีจากสหรัฐอเมริกาเริ่มส่งแรงสั่นสะเทือนต่อผู้ส่งออกไทย เวทีเสวนา “Mission Thailand” ที่จัดโดย TNN จึงกลายเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงนโยบายและยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะในหัวข้อ "ดันส่งออกไทย พลิกเกมการค้าโลก" ที่มุ่งเจาะลึกแนวทางรับมือความท้าทายใหม่ของการค้าโลก
ในเวทีนี้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ร่วมวิเคราะห์สถานการณ์และเสนอแนวทางเจรจา เพื่อรักษาโมเมนตัมของการส่งออกไทยท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ประเด็นสำคัญ
- กระทรวงพาณิชย์ย้ำ "มั่นใจเจรจาสำเร็จ" กับสหรัฐฯ
- หอการค้าเตือนผลกระทบช่วงเปลี่ยนผ่าน 90 วัน ชี้ยังไม่มีความชัดเจนด้านภาษี
- เร่งสร้างมูลค่าด้วย Local Content และขยายตลาดจีน
- ไทยเตรียมใช้วิกฤต disruption ของห่วงโซ่อุปทานสร้างโอกาสใหม่
- ปราบสินค้าสวมสิทธิ์-ลักลอบนำเข้า ดันส่งออกโตต่อเนื่อง
จากข้อกังวลด้านภาษีของสหรัฐฯ และโอกาสในห่วงโซ่อุปทานโลก การอภิปรายจึงเดินหน้าอย่างเข้มข้นจากทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเน้นกลยุทธ์เชิงรุกของไทยในการรับมือและเร่งส่งออกในระยะยาว
เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ "มั่นใจต้องสำเร็จ"
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แสดงความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า "จะต้องเจรจาสำเร็จ" พร้อมเปิดเผยว่ากระทรวงฯ ได้ติดต่อกับภาคเอกชนสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา มีทั้งหลักฐานการติดต่อ อีเมล และความร่วมมือจากบริษัทชั้นนำอย่าง HP, Seagate ฯลฯ ที่มีฐานการผลิตในไทยและไม่ต้องการแบกรับภาษีเพิ่มเติม
"ไทยไม่ใช่ 10 ประเทศเป้าหมายแรกของมาตรการภาษี จึงยังมีช่องเจรจาได้ หากทำการบ้านดี มีข้อมูลครบ และยืนหลักผลประโยชน์ร่วม" รมว.พาณิชย์กล่าว
หอการค้าไทยห่วงผลกระทบภาษีช่วง 90 วัน
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนาดร.พจน์ ตั้งข้อสังเกตถึง "ภาวะเปลี่ยนผ่าน" 90 วัน ที่ผู้ประกอบการไม่รู้ภาษีชัดเจน ส่งผลให้หลายรายไม่กล้าปิดดีลและเกิดปัญหาออเดอร์ล่าช้า พร้อมถามหามาตรการรองรับ หากการเจรจาไม่บรรลุผลทันเวลา
"ผู้ประกอบการบางรายต้องรับภาษีเอง บางรายถูกบีบราคาหรือยกเลิกคำสั่งซื้อ...เราต้องเตรียมแผนรับความไม่แน่นอนนี้" ดร.พจน์ กล่าว
Local Content คือกุญแจขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
รัฐมนตรีพาณิชย์ย้ำว่าประเทศไทยต้องพึ่งพาการส่งออก และแนวทางหนึ่งคือการส่งเสริม Local Content ให้มากขึ้น เพื่อสร้างการกระจายรายได้ภายในประเทศ และลดความเสี่ยงจากการพึ่งวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์จากต่างชาติ
ดร.พจน์ เห็นพ้องโดยเสนอให้รัฐสร้างแรงจูงใจในการผลิตภายในประเทศ เหมือนสมัยญี่ปุ่นลงทุนในไทย พร้อมตั้งเป้าให้ต้นทุนโลจิสติกส์ต่ำลง และเพิ่มความสามารถแข่งขันไทยในเวทีโลก
ไทยพร้อมใช้โอกาสจาก Disruption ดึงลงทุน
การเปลี่ยนแปลงใน Supply Chain โลก คือโอกาสของไทย นายพิชัยระบุว่าหลายบริษัทเริ่มมองไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่ม EV, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ Data Center
"รัฐบาลเร่งดึงนักลงทุน และตั้งเป้าสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ด้วยสินค้ามูลค่าสูง เพิ่ม Value Added สินค้าส่งออกให้ไทยแข่งขันได้ในระยะยาว" เขากล่าว
ปราบสินค้าสวมสิทธิ์ – ส่งออกโตสวนกระแส
รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่ากระทรวงดำเนินการเชิงรุกกับสินค้าสวมสิทธิ์และสินค้าลักลอบนำเข้าอย่างจริงจัง จับกุมแล้วกว่า 852 บริษัท คิดเป็นมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท พร้อมประสานกับจีนให้เคารพกฎหมายไทย
ในขณะเดียวกัน ไทยยังรักษาโมเมนตัมการส่งออกในไตรมาสแรก โตถึง 15.2% ซึ่งนายพิชัยชี้ว่าไม่ได้เกิดจากอเมริกาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากแรงส่งที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายปี
การเสวนานี้ไม่เพียงให้ภาพชัดเจนของภาวะการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แต่ยังเป็นหลักฐานถึงความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนที่พร้อมพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่ว่าจะเป็นภาษีจากสหรัฐฯ หรือการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทาน
“โลกการค้าเปลี่ยน แต่ไทยต้องเปลี่ยนให้ทันและสร้างความได้เปรียบใหม่จากภายใน” คือบทสรุปจากทั้งสองผู้นำ ที่ฝากไว้บนเวทีครั้งนี้