ชาวป้อมมหากาฬ ตื้นตัน 'ศานนท์' นั่งรองผู้ว่าฯ ไม่ลืมภาพนุ่งขาสั้น คีบแตะร่วมสู้อำนาจรัฐต้านไล่รื้อ
สืบเนื่องกรณี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่งตั้งนายศานนท์ หวังสร้างบุญ วัย 33 ปีขึ้นดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยมีการแถลงอย่างเป็นทางการวานนี้
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นายธวัชชัย วรมหาคุณ อดีตประธานชุมชนป้อมมหากาฬ เปิดเผยกับ ‘มติชน’ ว่า ขอแสดงความยินดีกับนายศานนท์ ข่าวนี้ทำให้ตนมีความสุขอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีนับแต่ต้องย้ายอออกจากชุมชนป้อมมหากาฬเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมาไม่เคยลืมว่านายศานนท์ หรือที่พวกตนเรียกว่า ‘ศา’ ได้เป็นกลไกสำคัฐ มีบทบาทช่วยเหลือชุมชนอย่างเต็มที่ โดยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ร่วมประชุมหารือทางออก แม้สุดท้ายชุมชนถูกรื้อ แต่การร่วมต่อสู้จะอยู่ในความทรงจำ ตั้งแต่ครั้งยังนุ่งกางเกงขาสั้น เสื้อยืด รองเท้าแตะ เดินเท้ามาช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่เคยทอดทิ้ง
“ดีใจและภูมิใจมากๆ กับท่านรองผู้ว่าฯ ท่านนี้ จากกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะ มุ่งสู่การแต่งสูทนอกรองเท้าหนัง คนนี้แหละที่ชุมชนและคนในย่านเมืองเก่ารอคอยมานานแสนนาน เป็นวันที่คนป้อมมหากาฬหัวใจเบิกบาน หลังจากเศร้ามานาน 4 ปีกว่า เรื่องราวไม่เคยจางหายไปจากหัวใจของพี่น้อง ภูมิใจและยินดีกับน้องศาจากใจจริง นับต่อจากนี้ จากไม้กล้าจะเจริญเติบโตด้วยสติปัญญาเป็นไม้ใหญ่ ความรู้ความสามารถได้ผ่านบทพิสูจน์และความตั้งใจจริง เห็นความสำคัญของเมือง ควบคู่กับลมหายใจของชีวิตผู้คน ต่อแต่นี้รอยยิ้มของคนรากหญ้าก็จะเริ่มเบ่งบาน นับจากวินาทีนี้ ความสำคัญของชุมชน ชีวิตของคนที่อยู่กับเมือง จะไม่ถูกด้อยค่าอีกต่อไป” นายธวัชชัยกล่าว
นายธวัชชัย ยังกล่าวถึงประเด็นที่มีผู้สอบถามว่าหลังจากนายศานนท์ได้เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ทางชุมชนคาดหวังว่าจะกลับมาที่ป้อมมหากาฬดังเดิมหรือไม่ นายธวัชชัยกล่าวว่า ชุมชนป้อมมหากาฬถูกรือ้ถอนไปแล้ว หากจะก่อสร้างขึ้นมาใหม่ จะเรียกตัวเองได้หรือไม่ว่าเป็นชุมชนโบราณ ส่วนตัวทองว่าคงไม่ต่างจากอนุสรณ์สถาน และหากกลับไป จะอยู่ในสถานะใด
“หากมีการฟื้นฟูเราคนป้อมฯ จะกลับมาในสถานะอะไร ถ้าทำงานภายใต้กรอบหรือข้อกำหนดก็ทำใจยาก สิ่งสุดท้าย ถ้าจะโมดิฟายชุมชนโบราณขึ้นมาใหม่ เราจะเรียกตัวเองได้หรือไม่ว่า เป็นชุมชนโบราณ แต่ก็ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงจากใจที่คิดถึงเรา” นายธวัชชัยกล่าว