รีเซต

DarkSide โดนเอาคืน FBI ขโมยเงินค่าไถ่จากการแฮกบริษัทน้ำมัน Colonial Pipeline สำเร็จ

DarkSide โดนเอาคืน FBI ขโมยเงินค่าไถ่จากการแฮกบริษัทน้ำมัน Colonial Pipeline สำเร็จ
TNN ช่อง16
9 มิถุนายน 2564 ( 08:39 )
169

เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์บริษัท Colonial Pipeline โดนแฮก ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ดังไปในระดับโลก ส่งผลให้ผู้คนได้รู้จักบริษัท Colonial Pipeline บริษัทผู้ดูแลท่อส่งน้ำมันฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ได้รู้จักกลุ่ม DarkSide กลุ่มผู้ดำเนินการจับมัลแวร์เรียกค่าไถ่ระดับมืออาชีพ และได้รู้ถึงความน่ากลัวของ Ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ไปจนถึงกระดูกดำ [อ่านเพิ่มเติมคลิก] เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ทางสหรัฐถึงกลับต้องยกระดับให้ Ransomware เป็นเหตุการณ์ระดับก่อการร้าย ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงสูงสุดไปในทันที (พูดง่าย ๆ ว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่ต้องรีบเฝ้าระวังทันทีนั่นเอง) [อ่านเพิ่มเติมคลิก]



ล่าสุดทาง FBI สหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศถึงความสำเร็จ ในการยึดเงินค่าไถ่คืนที่ทาง Colonial Pipeline จ่ายให้กับทาง DarkSide ได้สำเร็จ ซึ่งทาง Colonial Pipeline ต้องจ่ายเงิน Bitcoin จำนวน 75 เหรียญ หรือคิดเป็นจำนวนเงินในเวลานั้น 4.4 ล้านดอลลาร์หรือกว่า 130 ล้านบาทให้กับทาง DarkSide โดยทาง FBI สามารถทวงเงินคืนกลับมาเป็น Bitcoin ได้ทั้งหมด 63.7 เหรียญ แต่ด้วยตลาด Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างหนัก ทำให้เงินที่ได้กลับมาจึงเหลือเพียง 2.3 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 73 ล้านบาทเท่านั้น 


เงินที่ทาง Colonial Pipeline จ่ายให้ทาง DarkSide ถูกโอนไปยังบัญชีที่ลงท้ายว่า jc9fr ทาง FBI สืบพบว่าเงินก้อนดังกล่าวถูกกระจายไปทั่ว อย่างไรก็ตามทาง FBI ไม่ได้เปิดเผยว่าพวกเขานำเงินคืนกลับมาได้อย่างไร แต่หนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพบว่า ทาง DarkSide ไม่สามารถเข้าถึงหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์ที่มีการชำระเงินของพวกเขาได้ ซึ่งถ้าหากคีย์ที่ใช้เก็บเหรียญ Bitcoin อยู่ในเซิร์ฟนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ทาง FBI จะกู้คืนข้อมูลจากเซิร์ฟดังกล่าวขึ้นมา แล้วจึงเข้าถึงตัวเงินค่าไถ่ได้สำเร็จ


สิ่งที่ดูน่าจับตามองที่สุดในความสำเร็จครั้งนี้ อาจเป็นการเปิดตัวหน่วยงานใหม่ที่ชื่อว่า Ransomware and Digital Extortion Task Force ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ ขัดขวาง และดำเนินคดีเกี่ยวกับ Ransomware และ Digital Extortion โดยเฉพาะ และคดี Colonial Pipeline ก็คือคดีแรกของแผนกนี้อีกด้วย


แหล่งที่มา bleepingcomputer.com

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง