CBG 'กสิกรไทย' อัพเป้าใหม่ที่ 124 บ. เปิด 4 เหตุผลหนุนแกร่ง
#CBG #ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย จำกัด ส่องหุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG มีมุมมองบวกหลังเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ โดยผู้บริหารเชื่อว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ การบริโภคในประเทศที่ดีขึ้น ตลาดต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น มาตรการลดต้นทุนและการขยายตลาดคาดจะเป็น upside คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับปีฐานราคาเป้าหมายเป็นกลางปี 2566 พร้อมเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 124.00 บาท
ฝ่ายวิจัยเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2565 กับ CBG มุมมองเชิงบวก โดยผู้บริหารคาดว่าไตรมาส 1/2565 จะเป็นไตรมาสที่อยู่ระดับต่ำที่สุดแล้วของปีนี้ และคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสต่อ ๆ ไป
**ยอดขายเครื่องดื่มชูฟื้นตัวขึ้น
CBG คาดว่ารายได้จะฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป หนุนจากอุปสงค์เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังคาดว่าอุปสงค์ในต่างประเทศจะฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยเฉพาะจากตลาดหลักหลังจากอ่อนตัวลงในไตรมาส 1/2565 อุปสงค์ในประเทศกัมพูชาซึ่งชะลอตัวลงผลจากโควิด-19 ฟื้นตัวขึ้นจากการเปิดประเทศและผู้จัดจำหน่ายของ CBG ได้กลับมาเปิดตัวโปรโมชั่นส่งเสริมการขายสินค้าผ่านช่องทางรถจักรยานยนต์อีกครั้ง ผู้บริหารคาดว่ายอดขายในกัมพูชาจะเท่ากับระดับในปี 2563 เช่นเดียวกับที่เมียนมา
นอกจากนี้ CBG คาดว่ายอดขายในประเทศจีนจะกลับมาเพราะ CBG ไม่สามารถขายสินค้าชนิดใดได้จนถึงช่วงสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส 1/2565 จากหลักเกณฑ์ใหม่เรื่องบรรจุภัณฑ์ ดังนั้น นอกจากยอดขายที่คาดจะกลับมาอยู่ระดับปกติแล้ว บริษัทฯ ยังคาดว่าจะมีปัจจัยขับเคลื่อนจากอุปสงค์ที่อั้นไว้จากไตรมาสก่อนด้วย
**เหตุการณ์ใหม่
CBG ตั้งเป้าคงราคาขายไว้ที่ 10 บาท ตลอดทั้งปีนี้แม้คู่แข่งหลักปรับเพิ่มราคาขึ้นเนื่องจากผู้บริหารต้องการตรวจสอบทิศทางของส่วนแบ่งการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องนี้อีกครั้ง นอกจากนี้ CBG ยังตั้งเป้าออกมาตรการลดต้นทุนโดยอันดับแรกจะติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปและคาดว่าจะลดต้นทุนลงได้ราว 2 ลบ. ตามมาด้วยการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดบางลง (สำหรับบรรจุภัณฑ์แก้วและกระป๋อง) ซึ่งคาดจะช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบของ CBG ลง อีกทั้ง ยังจะมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจในเวียดนามซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตระดับสูงและรวดเร็ว
**ต้นทุน
ผู้บริหารให้แนวทางว่าราคาม้วนอลูมิเนียมเพิ่มขึ้นกว่า 50% YoY ดังนั้น บริษัทฯ จึงคาดว่าอัตรากำไรจะปรับลดลงในไตรมาส 2/2565 ก่อนที่จะเริ่มรับรู้ผลบวกจากต้นทุนที่ลดลงจากบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดบางลงซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของ CBG เพิ่มขึ้นราว 1.5% ในส่วนของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำคาดจะส่งผลกระทบกับ CBG ทั้ง 2 ด้าน กล่าวคือ ค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นอาจจะถูกหักล้างจากรายได้ หลังกหักภาษีที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคเพื่อซื้อสินค้าของ CBG
**มุมมองฝ่ายวิจัย
มุมมองบวกเช่นเดียวกับผู้บริหารในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ แม้มีหลายปัจจัยที่สร้างความท้าทาย แต่ผลประกอบการไตรมาส 1/2565 ของ CBG ยังแข็งแกร่งและมีอีกหลายปัจจัยหนุนการเติบโตในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ได้แก่ 1) การบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นจากการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น 2) การเปิดตัวเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและสินค้า CBD รายการใหม่ 3) ยอดขายในต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นทั้งในกลุ่มประเทศ CLMV และจีนและ 4) โอกาสขยายตลาดไปยังเวียดนาม
**อัพประมาณการกำไรสุทธิ
ปรับประมาณการกำไรสุทธิของ CBG ขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่ากำไรปกติปี 2565/66/67 จะเพิ่มขึ้น 23.7%/28%/9.4% ขณะที่ปรับประมาณการรายได้ขึ้น 3.9%/4.3%/4.5% ตามลำดับ
**คงแนะซื้อ-อัพเป้าที่ 124 บ.
คงคำแนะนำ “ซื้อ” CBG ขณะที่ปรับปีฐานราคาเป้าหมายไปเป็นกลางปี 2566 และเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 124.0 บาท มูลค่าหุ้นของฝ่ายวิจัยอิงจาก PER เฉลี่ยในอดีตของ CBG ที่ 32.95 เท่า
**ปัจจัยเสี่ยง
1) การบริโภคในประเทศและต่างประเทศที่ชะลอตัวลง 2) ต้นนทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นและ 3) ความล้มเหลวในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่