เกม! สาวประเภทสองโพสต์ 5 พันเศษเงินหลังตู้พบตร. อ้างไม่ทันคิด

วันนี้ ( 9 เม.ย. 63 )จากกรณีหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งใช้เฟสบุ๊ก โพสต์ข้อความลงหน้าไทม์ไลน์ส่วนตัว ว่า "5 พันเข้าบัญชีแล้วค่ะ ก็แค่เศษเงินหลังตู้เย็น" จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงการได้รับเงินดังกล่าว ทำให้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากจนผู้โพสต์ได้มีการปิดการใช้งานเฟซบุ๊กดังกล่าวไป แต่ก็มีผู้ที่บันทึกโพสต์และกิจกรรมต่างๆของเธอไว้แล้งส่งต่อ หรือโพสต์ต่อทางโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก
จากการตรวจสอบตามภาพดังกล่าวที่ปรากฏในเฟซบุ๊ก ทราบว่าหญิงสาวรายนี้อาศํยอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต และมีการเปิดร้านเสื้อผ้า อยู่ภายในซอยไสน้ำเย็น ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จังหวัดภูเก็ต ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่ร้านดังกล่าวเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พบว่า ร้านเสื้อผ้าดังกล่าวปิดไม่ให้บริการ แต่พบว่าภายในร้านยังเปิดไฟและมีคนอยู่ภายใน ซึ่งพยายามเรียกดูก็ไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมจากแหล่งข่าวรายหนึ่งว่าสาวผู้โพสต์คนดังกล่าวที่จริงแล้วเป็นสาวประเภทสอง อีกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 เม.ย.63 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.ป่าตอง ได้ลงพื้นที่ติดตามตัวผู้โพสต์ แต่ไม่พบตัวจึงได้แจ้งกับบุคคลรู้จักให้ผู้โพสต์ มาพบเจ้าหน้าที่ที่สภ.ป่าตอง ก่อนที่ในวันนี้ 9 เม.ย.63 ผู้โพสต์จะเดินทางมาขอพบเจ้าหน้าที่ ที่สภ.ป่าตอง เพื่อให้ปากคำ โดยมี พ.ต.อ.อกนิษฐ ด่านพิทักษ์ศาสน์ ผกก.สภ.ป่าตอง ร่วมสอบปากคำ
เบื้องต้นทราบชื่อผู้โพสต์รายดังกล่าว คือนาย กชพร อายุ 26 ปี เป็นสาวประเภทสอง ชาว ต.หนองผือ อ.เมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด และเป็นเจ้าของร้าน ขายเสื้อผ้า ชื่อนานาสโตร์ 111/ 2 ถนนพิศิษย์กรณี ต.ป่าตอง อ.กะทู้
จากการสอบถาม นายกชพร ให้การว่าตนเอง อาศัยอยู่ที่ภูเก็ตเป็นเวลา 2 ปีเศษ โดยก่อนหน้าได้เป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่ง ในซอยบางลา ก่อนจะเพิ่งมาเปิดร้านเสื้อผ้าได้ประมาณ 3 เดือน (ประมาณเดือนมกราคม ) โดยยอมรับว่าได้รับเงินจำนวน 5,000 บาทจากโครงการ เราไม่ทิ้งกัน จริง และยอมรับว่ามีการโพสต์ตามที่ปรากฏจริง
เนื่องจากที่ตนเองและเพื่อนๆได้ลงทะเบียนเข้าโครงการ แต่จากการสอบถามปรากฏว่ามีตนเองได้เงินเพียงคนเดียว ส่วนเพื่อนๆไม่ได้เงิน และมีการมาสอบถามว่าลงอย่างไรถึงได้ ทั้งที่เป็นเจ้าของกิจการ ทำให้ตนเองรู้สึกกดดันจึงโพสต์ข้อความดังกล่าวไปโดยไม่ยั้งคิด ก่อนเข้านอน แต่ปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้นได้เกิดประเด็นดังกล่าวขึ้นมา
ทั้งนี้ยืนยันถึงแม้ว่าตัวเองเป็นเจ้าของธุรกิจแต่ก็ได้รับผลกระทบ จากการหยุดกิจการเพราะมีค่าใช้จ่ายต่างๆเช่น ค่าเช่าร้านเดือนละ 20,000 บาท(ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ) ค่าเช่าบ้านเดือนละ 7000 บาท ค่างวดรถ 12500 บาท ค่าอุปโภคของน้องๆและเด็กอ่อนอีก 1 คน วันละ 1500 บาท และค่ามัดจำเปิดร้านเสริมสวยใหม่อีก 26,000 บาท โดยว่างเงินมัดจำไปแล้ว 5000 บาท และตนเองไม่มีประกันสังคม เนื่องจากเป็นเจ้าของกิจการ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้บันทึกถ้อยคำไว้เป็นหลักฐาน โดยยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดใด รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง(ก.คลัง)ว่าจะมีการดำเนินคดีหรือไม่
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ยอดนิยมในตอนนี้
