ล็อกดาวน์เข้ม ชาวเมลเบิร์นห้ามออกนอกบ้าน 6 สัปดาห์

รัฐวิคตอเรียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 429 คน และเสียชีวิตเพิ่ม 13 คน โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย คือตั้งแต่วัย 60-90 ปี ทำให้ยอดติดเชื้อในรัฐรวมกว่า 12,000 คน  และเสียชีวิตรวมในรัฐวิคตอเรียเพิ่มเป็น 136 ราย และมีติดเชื้อบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อ 1,195 คน  โดยมาตรการล็อกดาวน์ประกอบด้วย

เคอร์ฟิว 2 ทุ่ม ถึง ตี 5

ร้านค้าปลีกทุกแห่งต้องปิดลงในระหว่างการล็อกดาวน์ระดับ 4 เว้นเพียงธุรกิจจำเป็น เช่น ซูเปอร์มาเก็ต / ร้านขายยา / ปั๊มน้ำมัน / บริษัทข่าว 

ให้อยู่ห่างจากบ้านได้ไม่เกิน 5 กิโลเมตร 

ห้ามทำกิจกรรมนอกบ้านเกินเวลาที่กำหนด – ออกกำลังกายได้ 1 ชั่วโมง ภายใน 5 กม.

ต้องเรียนทางไกลเท่านั้น นับตั้งแต่วันพุธ (เรียนต่อหน้าได้ หากจำเป็น – ต้องทำเรื่องขอ)

รวมตัวได้ไม่เกิน 2 คน และต้องเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน 

ออกไปซื้อของจำเป็นได้ครอบครัวละ 1 คน 

ห้ามจัดงานแต่งาน ตั้งแต่ 6 สิงหาคมเป็นต้นไป 

แท็กซี่ยังให้บริการ แต่ต้องสวมหน้ากากทุกครั้ง และต้องนั่งหลังเท่านั้น 

ประชาชนจะต้องใช้ชีวิตเช่นนี้นาน 6 สัปดาห์ คือจนถึง 23.59 น. ของวันที่ 13 กันยายน ขณะที่เมืองอื่น ๆ ของรัฐวิคตอเรียก็ต้องล็อกดาวน์เช่นกัน แต่มีมาตรการที่ไม่เข้มข้นเท่าเมลเบิร์น

การประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติในรัฐวิคตอเรีย  ทำให้ประชาชนต่างแตกตื่นตกใจ และแห่ไปกักตุนอาหารตามซูเปอร์มาเก็ตหลายแห่ง จนทำให้เกิดอาหารขาดแคลนหลายอย่าง ทั้งเนื้อสัตว์ พืช ผัก ผลไม้ แม้รัฐบาลจะประกาศว่าไม่ต้องตื่นตระหนกก็ตาม  

นอกจากนี้ การระบาดในออสเตรเลีย ยังกระทบต่อความพยายามในการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศกับพันธมิตรด้วย โดยเฉพาะ นิวซีแลนด์ ที่ตั้งเป้าว่าจะทำ “ทราเวลบับเบิล” ระหว่างกันในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งนับเป็นต้นแบบของการท่องเที่ยวแนวนี้หลังการระบาดของโควิด-19 แต่ล่าสุด นางเจซินดา อาร์เดิร์น ได้ออกมาประกาศระงับโครงการนี้กับออสเตรเลียแล้ว ไปฟังเสียงเธอกัน

ล่าสุดนายกรัฐมนตรีสก็อต มอร์ริสัน ได้ประกาศให้เงินช่วยเหลือภัยพิบัติ แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยลูกจ้างที่ป่วย แต่ไม่มีสิทธิในการลาป่วยได้ 14 วัน สามารถโทรศัพท์ไปรับสิทธิ์ จะได้เงินสนับสนุน 1,500 ดอลลาร์ เพื่อจะได้หยุดงาน และไม่นำเชื้อไปแพร่ให้คนอื่น ๆ โดยเบื้องต้นจะมอบให้กับชาวรัฐวิคตอเรียเท่านั้น