รีเซต

ฟิลิปปินส์ เปิดฉากหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ลูกชายมาร์กอสคะแนนนำ

ฟิลิปปินส์ เปิดฉากหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ลูกชายมาร์กอสคะแนนนำ
มติชน
8 กุมภาพันธ์ 2565 ( 14:43 )
83

ข่าววันนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ แทนที่นาย “โรดริโก ดูแตร์เต” ที่กำลังจะหมดวาระลง และเตรียมจะมีการเลือกตั้งกันในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้ผู้สมัครต้องหันไปใช้สื่อโซเชียลมีเดียสื่อสารถึงผู้สมัคร ในประเทศที่มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์มากที่สุดในโลก

 

รายงานระบุว่าผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ลูกชายของเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตผู้นำเผด็จการฟิลิปปินส์ในยุคทศวรรษที่ 70-80 มีคะแนนนิยมนำเป็นอันดับที่ 1 ผลจากการทุ่มหาเสียงผ่านโลกออนไลน์ อย่างไรก็ตามมาร์กอส จูเนียร์เองก็ถูกวิจารณ์เช่นกันว่าพยายามที่จะเขียประวัติศาสตร์ของครอบครัวมาร์กอสใหม่

 

สำหรับบรรยากาศในการหาเสียงนั้น การจัดการหาเสียงขนาดใหญ่นั้นทำได้อย่างจำกัด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ประชาชนชาวฟิลิปปินส์ทั้งหมด 110 ล้านคน มีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว

 

สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดี,รองประธานาธิบดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ ตำแหน่งงานท้องถิ่นอีก 18,000 ตำแหน่งของฟิลิปปินส์นั้น มีจำนวนราว 67.5 ล้านคน ในจำนวนนี้มี 1.7 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ

 

รายงานระบุว่านอกจากนายมาร์กอสจูเนียร์แล้ว ยังมีคู่แข่งอย่าง “แมนนี ปาเกียว” นักมวยชื่อดังที่หันมาเอาดีด้านการเมือง รองประธานาธิบดีหญิง “เลนี โรเบรโด”, ฟรานซิสโก โดมาโกโซ นายกเทศมนตรีกรุงมะนิลา, รวมไปถึง ปันฟิโล แลคสัน สมาชิกวุฒิสภาด้วย

 

ทั้งนี้นายโรดริโก ดูแตร์เต ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครอบ 2 สมัยทำให้ไม่สามารถลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้อีก อย่างไรก็ตามเสียงสนับสนุนนายดูแตร์เต ถูกมองว่าจะเทไปทางนายมาร์กอสจูเนียร์ เนื่องจาก ซารา ดูแตร์เต-คาร์ปิโอ ลูกสาวนายดูแตร์เต ที่ประกาศชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับนายมาร์กอสจูเนียร์

 

รายงานระบุว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 6 ปี ครั้งนี้ถูกจับตามองโดยนักลงทุน เนื่องจากประธานาธิบดีคนใหม่มีงานใหญ่เช่นกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จากที่ฟิลิปปินส์เคยเป็นประเทศที่มีการเติบโตมากที่สุดในเอเชีย กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจหดตัวมากที่สุดที่ 9.6เปอร์เซ็นต์ เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง