เมื่ออินทรีจ่อออก ‘กฎเหล็ก’ ใหม่ล็อกการเติบใหญ่ของมังกร (1)

ท่ามกลางการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ร้อนแรงขึ้นทุกขณะ เราได้เห็นข่าวใหญ่ที่สร้างความประหลาดใจแทบไม่เว้นแต่ละวันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
นับแต่ต้นเดือนตุลาคม 2025 สหรัฐฯ กับจีนตอบโต้กันไปมาอย่างไม่ลดราวาศอก และมีอีกหนึ่งข่าวใหญ่เกิดขึ้นที่แสดงถึงการขยายวงของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ เมื่อวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย “FIGHT China Act of 2025” ที่หากมีผลบังคับใช้ ก็อาจส่งผลกระทบมากมายตามมา ...
ร่างกฎหมายฉบับนี้มีชื่อว่า “The Foreign Investment Guardrails to Help Thwart (FIGHT) China Act of 2025” ที่มีผู้รู้แปลเป็นไทยว่า “กฎหมายสร้างแนวป้องกันการลงทุนเพื่อยับยั้งจีน” ยิ่งพอเรียกชื่อย่อก็ยิ่งเพิ่มความ “น่าสนใจ” และดูเหมือนจะ “ตรงเป้า” มากขึ้นเข้าไปอีก
อันที่จริง แนวคิดเกี่ยวกับร่างกฎหมายนี้เคยถูกหยิบยกขึ้นมาหารือนับแต่สมัยทรัมป์ 1.0 แต่ก็ไม่คืบหน้า ครั้นหลังการกลับดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในสมัยที่ 2 ร่างกฎหมายดังกล่าวก็ถูกนำเสนอสู่สภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภาสหรัฐฯ อีกครั้งเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2025
จึงอาจกล่าวได้ว่า ร่างกฎหมาย FIGHT China Act มาพร้อมกับความพยายามในการ “เดินเกม” คู่ขนานกับแคมเปญสงครามการค้า 2.0 และสอดรับกับนโยบายการลงทุน America First ของประธานาธิบดีทรัมป์เลยทีเดียว
โดยร่างกฎหมายดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของ “The National Defense Authorization Act” ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติว่าด้วยงบประมาณกลาโหมแห่งชาติที่มีงบประมาณเกือบ 880,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในระหว่างการแปรญัตติ NDAA ถูกแก้ไขในหลายส่วนโดยคณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภา
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สมาชิกวุฒิสภาได้อาศัยเวทีคณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภา ผลักดันการแก้ไข NDAA ในหลายประเด็น โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อจำกัดการลงทุนของสหรัฐฯ ในด้านเทคโนโลยีและภาคการทหารของจีน
ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เปิดเผยโดยสื่อสหรัฐฯ ระบุว่า การอภิปรายของคณะกรรมาธิการฯ ที่สังกัดทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในวงกว้าง นำไปสู่ข้อสังเกตว่า ดูเหมือนกรรมาธิการบางส่วนมีจุดยืนที่ค่อนข้าง “แข็งกร้าว” และแฝงไว้ซึ่งการเชื่อมโยงทางการเมืองทั้งในสนาม “ภายในประเทศ” และ “ระหว่างประเทศ”
ดังจะเห็นได้จากส่วนหนึ่งของคำอภิปรายของวุฒิสภา Cortez Masto “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ในร่างกฎหมายดังกล่าวที่ว่า สหรัฐฯ ไม่ควรให้ความช่วยเหลือ “ศัตรูของเรา” ในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ คอมพิวเตอร์ควอนตัม หรือเทคโนโลยีทางการทหารของจีน
ขณะที่กรรมาธิการฯ หลายท่านก็มีทัศนคติและท่าทีที่คล้ายคลึงกัน ดังกล่าวที่ว่า “เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการทำให้แน่ใจว่าเรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่ละเอียดอ่อนและล้ำสมัยที่สุดในสหรัฐฯ แทนที่จะสนับสนุนการพัฒนาในประเทศที่ไม่ได้มีค่านิยมเดียวกันกับเรา”
“พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังใช้ทุนอเมริกันเพื่อกระตุ้นความทะเยอทะยานทางทหารและบ่อนทำลายความมั่นคงของเรา ภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ เราดำเนินการอย่างกล้าหาญเพื่อตอบโต้จีน ...”
“เพื่อหยุดการลงทุนของสหรัฐฯ จากการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับศัตรูตัวฉกาจของเราและทำให้แน่ใจว่าเราให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของอเมริกาเป็นอันดับแรก” หรือ “เราต้องหยุดการไหลเวียนของทุนอเมริกันไปยังพรรคคอมมิวนิสต์จีน และปกป้องอนาคตของเราจากภัยคุกคามจากต่างประเทศ”
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้กลับกลายเป็น “ข่าวใหญ่” อีกครั้งเมื่อวุฒิสภาอเมริกันลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2025 และจะรอการเปรียบเทียบกับร่าง NDAA ในเวอร์ชั่นของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ผ่านการพิจารณาไปเมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งก็ยังไม่มั่นใจว่าร่างกฎหมายดังกล่าวที่ตกผลึกจะ “กลมกล่อม” มากพอที่จะไปถึงทำเนียบขาวหรือไม่ อย่างไร
และหากไปถึงมือประธานาธิบดีทรัมป์ ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าผู้นำสหรัฐฯ จะลงนามในร่างกฎหมายอย่างไม่รีรอ เพราะผู้นำสหรัฐฯ ประกาศจุดยืนแบบ “เปิดหน้าชก” ในเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วว่า การลงทุนใน 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมาของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนการรุกรานของจีนจะต้องสิ้นสุดลง และมองว่าร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นขั้นตอนสำคัญในการปกป้องการลงทุนระยะยาวของสหรัฐฯ
ยิ่งเมื่อพิจารณาจากบรรยากาศทางการเมืองระหว่างประเทศแล้ว ร่างกฎหมายใหม่ที่ผนวก 2 ร่างกฎหมายจาก 2 สภาคงจะครอบคลุมสาระสำคัญของร่าง FIGHT China Act ในการ “กีดกัน” การลงทุนในเทคโนโลยีและประเด็นที่มีความอ่อนไหวของสหรัฐฯ ในจีนอยู่ต่อไป
ร่างกฎหมายนี้จะกลายเป็นเครื่องมือใหม่ “อันทรงพลัง” ของสหรัฐฯ ในการกดดันด้านการลงทุนและการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากศาลสูงสุดยังคงมีมติเห็นก้องกัยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่เห็นว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้อำนาจ “เกินขอบเขต” ในการเรียกเก็บอากรนำเข้าจากต่างประเทศ
แล้วร่างกฎหมาย FIGHT China Act ที่ผ่านวุฒิสภาไปเมื่อเร็วๆ นี้มีสาระสำคัญอะไรบ้าง ผมขอพาท่านผู้อ่านไปส่องกันต่อครับ เริ่มจากเป้าหมายหลักที่ร่างกฎหมายดังกล่าวมุ่งเน้นที่จะใช้ป้องกันไม่ให้เงินทุนสหรัฐฯ ไปสนับสนุนเทคโนโลยีของจีน และควบคุมการลงทุนของกิจการสหรัฐฯ ในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีทางการทหารและการสอดแนม รวมไปถึงลดความเสี่ยงที่ทุนสหรัฐฯ จะเพิ่มอำนาจให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน
ในด้านหนึ่งสะท้อนว่า สหรัฐฯ กำลังปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจคือความมั่นคงของชาติ” ซึ่งนำไปสู่การดำเนินนโยบายที่ยึดแนวคิด “ความร่วมมือทางเศรษฐกิจคู่ขนานไปกับการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์” ไปสู่แนวโน้ม “การแยกขั้วทางเศรษฐกิจแบบเฉพาะทาง”
ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สภาล่างและสภาสูงของสหรัฐฯ ตระหนักดีถึงกลไกการปกครองของจีน จึงพยายาม “ตีกรอบ” ที่ครอบคลุมอย่างรอบด้านทั้งพรรคฯ รัฐบาล และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ที่อาจสะท้อนถึงความพยายามในการ “กดปุ่ม” สกัดกั้นเงินทุนอเมริกันที่จะไหลไปสู่จีนและลดโอกาสความเสี่ยงด้านความมั่นคงในทุกวิถีทาง
หากร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะส่งผลกระทบและเกิดมาตรการใดตามมา ไปคุยกะนต่อตอนหน้าครับ ...
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
