'ดร.กนกวรรณ' ขอบคุณผู้ร่วมจัดงาน 'กัญชา 360 องศา' ให้ความรู้ ปชช. ปลื้มคนสนใจล้นหลาม
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ “มหกรรมกัญชากัญชง 360 องศา เพื่อประชาชน” ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ (สสจ.) และสถาบันการศึกษา ตลอดจนภาคเอกชนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคมนี้ เพื่อขานรับนโยบายปลดล็อกกัญชา-กัญชง ให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมการทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ตลอดจนใช้ในการประกอบอาหาร เป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประชาชน
บรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนหลั่งไหลมาร่วมงานอย่างต่อเนื่อง ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด
ตั้งแต่เวลา 08.00 น. มีทั้งแพทย์ พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) วิสาหกิจชุมชนต่างๆ และประชาชนทั่วไป โดยมีผู้ลงทะเบียนร่วมงานแล้วกว่า 8,000 คน อีกทั้งยังมีผู้เดินทางมาเข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่องจากหลายจังหวัดทั่วทุกภูมิภาค นอกจากนี้ ยังมีชาวต่างชาติ ไปจนถึงพระสงฆ์ที่สนใจเดินทางมาร่วมชมงานมหกรรมอีกด้วย
เวลา 12.45 น. ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สวมต่างหูรูปใบกัญชา เดินทางมาเยี่ยมชมบูธของ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กรุงเทพมหานคร (กศน.) ซึ่งมีภาพของ ดร.กนกวรรณ ตั้งอยู่บริเวณหน้าบูธ
สำหรับบูธของสำนักงาน กศน.จะให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับตำรับยากัญชา อีกทั้งยังมีการพัฒนาเรียนออนไลน์ในเนื้อหาด้านกัญชาโดยเฉพาะ
จากนั้น ดร.กนกวรรณเดินเยี่ยมชมบูธ “สปากัญชาไทย อภัยภูเบศร” โดยเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สปา อาทิ ยาดมสมุนไพร น้ำมันกัญชา “อภัยบาล์ม พลัส” ร่วมกับ น.ส.ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ก่อนอุดหนุนผลิตภัณฑ์สปากัญชา ติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย
ต่อมา ดร.กนกวรรณ เยี่ยมชมบูธ “คราฟต์ โซดา” (Craft Soda) ซึ่งผสมกัญชา 0.3 เปอร์เซ็นต์ โดยภายในบูธมีเครื่องดื่มผสมกัญชาหลากหลายเมนู อาทิ เมนูไทยลั้นลา โคล่าตาหวาน และทุ่มเท นับว่าเป็นจุดยอดฮิตที่ผู้มาร่วมงานแวะเวียนมาชิมน้ำโซดาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีเมนู “เลม่อน ส้มซ่า” สรรพคุณแก้เมากัญชา โดย ดร.กนกวรรณกล่าวกับผู้ที่เยี่ยมชมกิจกรรมว่า ใครเมากัญชาให้มากินเมนูนี้ เดินในงาน แล้วเมื่อยเหนื่อย มาแวะชิมชาผสมโคล่า โดย ดร.กนกวรรณได้ลองดื่มน้ำโคล่าตาหวาน ก่อนออกปากชมว่า อร่อยอร่อยชื่นใจ
ดร.กนกวรรณกล่าวว่า ภาพร่วมงานในวันนี้ ต้องชื่นชมรัฐบาลในส่วนของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งยังมีในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข องค์การอาหารและยา (อย.) ที่ได้ร่วมมืกันจัดมหกรรมนี้ขึ้น ที่สำคัญต้องขอบคุณบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และสื่อมวลชนทุกแห่ง ที่ให้ความร่วมมือและตั้งใจนำเสนอความก้าวหน้าขององค์การแพทย์ทุกภาคส่วน ทำให้ประชาชนมีความเข้าใจในกัญชากัญชงว่ามีประโยชน์อย่างยั่งยืน ทั้งในมิติของสุขภาพและในมิติของการส่งเสริมเศรษฐกิจ
“ถ้าจะพูดในความรู้สึกของตัวเอง ยังไม่นึกว่าจะมีประชาชนให้ความสนใจเยอะขนาดนี้ ในใจยังคิดว่ามีคนให้ความสนใจอย่างแท้จริง นอกจากชาวไทยแล้วยังมีชาวต่างประเทศมาร่วมด้วย ซึ่งสิ่งที่ได้เห็นนั้นต้องบอกว่า มีการพัฒนาต่อยอดในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กัญชง ผลิตภัณฑ์เสริมความงามและผลิตภัณฑ์อาหาร และได้เห็นการพัฒนาต่อยอดกัญชาในเรื่องของการแพทย์ ทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน ได้เห็นความร่วมมือร่วมใจถึงกัญชากัญชง เพื่อการส่งเสริมอาชีพผลิตภัณฑ์สิ่งทอ
“ที่มากไปกว่านั้น คือการรักษาโรคที่เราได้เห็นความหวังของคน ซึ่งตั้งเป้าหมายและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า กัญชาสามารถบรรเทาปวด ทำให้ชีวิตของทุกคน ทั้งผู้ป่วย และคนที่ในครอบครัวที่มีผู้ป่วย มีขวัญกำลังใจสู้กับชีวิตต่อไป” ดร.กนกวรรณกล่าว
ดร.กนกวรรณกล่าวต่อว่า มหกรรมกัญชากัญชง ที่จัดขึ้นครั้งนี้ คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ต้องให้ประชาชนร่วมมือร่วมใจกันผลักดัน ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ โดย กศน. ต้องขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากหัวใจ กราบขอบพระคุณโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มูลนิธิเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การนำของผู้อำนวยการ ซึ่งได้ผลักดันค้นคว้าวิจัย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเริ่มต้นจากยาสมุนไพรโบราณ ที่จะอนุรักษ์ความเป็นไทยและทำในเรื่องของกัญชาอย่างยั่งยืนมาโดยตลอด
“ต้องบอกว่า หัวใจของทุกคนเต็มร้อยและสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ทั้งนวัตกรรมที่จะต่อยอดจากการรักษาโรค อภัยภูเบศรได้จับมือกับเอกชนและองค์กรอื่นๆ รวมถึงวิสาหกิจชุมชน ไม่ใช่ภายในจังหวัดปราจีนบุรี เท่านั้น หากแต่ยังเผื่อแผ่องค์ความรู้ไปยังหน่วยงานอื่นๆ ในหลายจังหวัด ซึ่งจะช่วยเติมเต็มเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนมีความมั่นคงในชีวิต
“ขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข และอภัยภูเบศร ที่ได้ช่วยในการจัดหลักสูตรให้กับประชาชนได้เรียนรู้ในมิติของกัญชากัญชงอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เรื่องของอภัยภูเบศร จะเน้นประชาชนเป็นหลัก ทุกหย่อมหญ้ามีความต้องการทำให้ประชาชนมีความรู้ มีอยู่ และมีกินอย่างยั่งยืน และการที่อภัยภูเบศรลงไปทำถึงในพื้นที่ ต้องถือว่าเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง ตั้งแต่การให้ประชาชนได้มีความรู้ที่ถูกต้องในการปลูก มีความรู้ที่จะขายแบบไหน และช่วยให้คำแนะนำในการจำหน่าย ไปจนถึงการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นโอกาสและการรับฟังเพื่อบูรณาการความรู้ในทุกมิติ พัฒนาเครื่องดื่ม พัฒนาในการผลิตอาหาร พัฒนาการปัญญา ทำให้ชีวิตคนได้รับการดูแล ครอบคลุมในมิติสุขภาพอาหาร และเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือ ประชาชนจะมีความรู้เข้าใจอย่างถูกต้อง และเลี้ยงตนเองได้” ดร.กนกวรรณกล่าว
สำหรับงาน “มหกรรมกัญชากัญชง 360 องศา เพื่อประชาชน” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคมนี้ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ สำหรับผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ฟรี