ITELสบช่องเจรจาสกมช. เทรนนิ่งไซเบอร์ซีเคียวริตี้
ทันหุ้น – ITEL แย้มอยู่ระหว่างเจรจา สกมช. ร่วมมือพัฒนาบุคลากรในธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ คาดชัดเจนปีหน้า ฟากบิ๊กบอส “ณัฐนัย อนันตรัมพร” ตั้งธงรายได้ปี 65 โตต่อ 20-30% New S-Curve หนุน แย้มมีดีลควบรวมกิจการบริษัทไอที ลั่นเครื่องมือทางการเงินพร้อม จ้องชิงงานเติมพอร์ตอีก 2.5 พันล้านบาท จากแบ็กล็อกปัจจุบัน 3.17 พันล้านบาท
นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า บริษัทสนใจธุรกิจเกี่ยวกับไซเบอร์ซีเคียวริตี้เพราะตลาดและอุตสาหกรรมมีความต้องการสูง แต่โดยโซลูชั่นของ ITEL ยังไม่มีโซลูชั่นไซเบอร์ซีเคียวริตี้ของตัวเอง บริษัทจึงมองหาการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่มีศักยภาพ เพื่อต่อยอดธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจากับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) โดยบริษัทต้องการจะร่วมมือเพื่อพัฒนาบุคลากร (เทรนนิ่ง) ในธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ คาดจะเห็นชัดเจนประมาณปีหน้า หรือปี 2565
แย้มมีดีล M&A
ขณะเดียวกันการเติบโตปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้โตต่อเนื่องจากปีนี้ 20-30% โดยการเติบโตจะมาจากการดำเนินธุรกิจเดิม การติดตั้งและบริการโครงข่าย และการบริการดาต้าเซ็นเตอร์ ดาต้าเซอร์วิส ปัจจุบันมีอัตราการเติบโตที่ดี และบริษัทมีแผนจะผลักดันธุรกิจรายได้ประจำให้มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าจะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 70% จากปัจจุบันอยู่ที่ 50%
ประกอบกับธุรกิจใหม่ New S-Curveจะเข้ามาเสริมฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะโครงการ Drone & Anti-Drone ที่ลูกค้าเริ่มมีความสนใจ และจะเป็นอีกก้าวในการต่อยอดธุรกิจให้การเติบโตในระยาวต่อไป ประกอบกับบริษัทสนใจในธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ คาดจะเข้าหนุนการเติบโตในปี 2565 ให้เติบโตขึ้นได้
นอกจากนี้บริษัทมองการเติบโตธุรกิจ โดยการควบรวมกิจการ (M&A) กับบริษัทไอที หรือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจใกล้เคียงกับ ITEL ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อหาเงินทุนขยายธุรกิจ เบื้องต้นบริษัทจะใช้เครื่องมือทางการเงิน ในการทำดีลควบรวม M&A
แบ็กล็อกแน่นมือ
ขณะที่ทิศทางธุรกิจช่วงที่เหลือของปี 2564 บริษัทมองแนวโน้มการเติบโตยังอยู่ในทิศทางที่ดี เพราะบริษัทประกอบธุรกิจเกี่ยวกับไอที ซึ่งความต้องการใช้จากกลุ่มลูกค้าภาครัฐ และเอกชนมีความต้องการสูง อีกทั้งบริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog อยู่ที่ 3.17 พันล้านบาท และบริษัทตั้งเป้าจะหางานใหม่เข้าพอร์ตเพิ่มอีก 2.5 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทยื่นเสนอราคาให้กับลูกค้าไปแล้ว คาดจะเซ็นสัญญารับงานใหม่ประมาณสิ้นเดือนกันยายน มูลค่าราว 700-800 ล้านบาท
ส่วนปีนี้บริษัทมั่นใจรายได้จะทำได้ตามเป้าหมาที่ 2.8 พันล้านบาท โดย 6 เดือนแรกบริษัทมีรายได้แล้ว 1 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 93.03 ล้านบาท เพราะปกติผลประกอบการครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่สามาถทำได้รายได้ดีกว่าครึ่งปีแรก อนึ่งปี 2564 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 2.05 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 183.7 ล้านบาท
นายณัฐนัย กล่าวก่อนหน้านี้ว่า แผนการนำดาต้าเซ็นเตอร์เข้ากองรีท ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับทางกองทุน เพื่อผลักดันเข้ากองทุน และเพื่อการจัดสรรโครงสร้างให้เหมาะสม เบื้องต้นคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 3/2564 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 4/2564 ถึงต้นปี 2565 โดยมูลค่ากองมากกว่า 700 ล้านบาท