ความท้าทายของ ปรีดี ดาวฉาย กับภารกิจแก้ปัญหาปากท้อง-ฟื้นศก.

ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างและเพิ่มเติมบางตำแหน่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นตำแหน่งที่หลายคนจับตามองเป็นอย่างมากคือ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ หลายฝ่ายจับตามอง โดยเฉพาะนักลงทุน และภาคประชาชนคาดหวังกับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ หลังทีมของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ 4 กุมาร ลาออกไป 

โดยผู้ที่มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลังนี้ คือ นาย ปรีดี ดาวฉาย ที่ก่อนหน้านี้ ทางธนาคารกสิกรไทย ได้ทำหนังสือถึงกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องที่ นาย ปรีดี ดาวฉาย กรรมการและกรรมการผู้จัดการ ได้ตกลงร่วมกับธนาคารกสิกรไทย ที่จะยุติสัญญาจ้างก่อนครบกำหนด และได้มีหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป

สำหรับ นาย ปรีดี ดาวฉาย ตำแหน่งล่าสุดก่อนจะที่เข้ามารับหน้าที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง คือ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และประธานสมาคมธนาคารไทย 

สำหรับประวัติการศึกษานาย ปรีดี ดาวฉาย จบการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา และปริญญาโท กฎหมายเปรียบเทียบ มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

นาย ปรีดี ดาวฉาย เริ่มงานที่สำนักกฎหมาย ธนาคารกสิกรไทย เมื่อปี พ.ศ. 2525 และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เมื่อปี พ.ศ. 2556 และเป็นประธานกรรมการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 

นอกจากนี้ นาย ปรีดี ดาวฉาย ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการในรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลายชุดเช่นกัน

ทั้งนี้ หลายฝ่ายต่างจับตามองว่า รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่มาจากภาคเอกชน อย่างนาย ปรีดี ดาวฉาย แน่นอนว่า ต้องทราบดีถึงปัญหาและอุปสรรคที่รัฐบาลต้องเร่งเข้ามาแก้ไข อีกทั้งการได้ผู้บริหารภาคเอกชน ที่มีความเป็นมืออาชีพ น่าจะทำให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้านต่างๆ ของประเทศเป็นไปด้วยดี

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า รอบนี้จะคุมทีมเศรษฐกิจด้วยตัวเอง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเชิงรุกตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยที่โควตาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตนจะเป็นผู้พิจารณาเอง และอาจมีชื่อคณะที่ปรึกษาฯ เข้าร่วมในทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ด้วย เพราะเห็นว่า จำเป็นต้องมีนักเศรษฐศาสตร์และผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการเงินการธนาคารเข้ามาร่วมงานกับรัฐบาล 

ภาพจากเฟซบุ๊ก : คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน - กกร.