รีเซต

โควิด-19 : เหตุใดผู้หญิงทั่วโลกอาจต้องทำงานหนักขึ้นหลังการระบาดของไวรัส

โควิด-19 : เหตุใดผู้หญิงทั่วโลกอาจต้องทำงานหนักขึ้นหลังการระบาดของไวรัส
บีบีซี ไทย
15 กรกฎาคม 2563 ( 11:18 )
50
โควิด-19 : เหตุใดผู้หญิงทั่วโลกอาจต้องทำงานหนักขึ้นหลังการระบาดของไวรัส

Getty Images

เช่นเดียวกับผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในอาชีพจำนวนมาก ซิโมน รามอส บอกว่าเธอต้องทำงานหนักกว่าผู้ชายเพื่อไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งสูง ๆ

ในฐานะผู้บริหารและผู้จัดการด้านความเสี่ยงของทีเอชบี (THB) บริษัทนายหน้าประกันภัย ในนครเซาเปาโล ประเทศบราซิล รามอสบอกว่า การเป็นหัวหน้าผู้หญิงในสายงานที่เต็มไปด้วยผู้ชายทำให้เธอต้อง "ถีบตัวเองให้แกร่งขี้นทุกวัน"

"ฉันรู้ตั้งแต่ตอนเริ่มทำงานแล้วว่า ต้องเลิกงานช้ากว่า ต้องหาความรู้เพิ่ม ต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าผู้ชายถึงสามเท่า"

นอกจากงานบริษัทแล้ว รามอสเป็นที่ปรึกษาให้กับสมาคมสำหรับผู้หญิงที่ทำงานด้านการประกันในบราซิล และกำลังจะออกหนังสือในเดือน ต.ค. เธอบอกว่าผู้หญิงสามารถไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูง ๆ ได้ด้วยการมุ่งมั่นมุมานะ และมีเป้าหมายที่ชัดเจน

เธอเห็นตรงกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ว่าผู้หญิงได้รับแรงกดดันมากกว่าผู้ชายในช่วงการระบาดใหญ่ และวิกฤตนี้อาจเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าด้านอาชีพการงานได้

ควบสองกะ

พ่อแม่ที่ทั้งต้องทำงานที่บ้านและสอนหนังสือลูกไปด้วยต้องเผชิญแรงกดดันเป็นพิเศษ

องค์การแรงงานระหว่างประเทศบอกว่า ผู้หญิงยังต้องแบกรับ 3 ใน 4 ของภาระการดูแลทั้งหมดโดยไม่ได้เงินค่าตอบแทน

"ไม่ใช่ความลับเลยที่บรรดาแม่ ๆ ยังคงเป็นผู้แบกรับภาระการเลี้ยงดูลูกและงานบ้านในครอบครัวส่วนใหญ่" จัสตีน โรเบิร์ตส์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารมัมส์เน็ต (Mumsnet) เครือข่ายออนไลน์สำหรับพ่อแม่ที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร กล่าว

"คนเป็นแม่กังวลว่าพวกเธอจะถูกปลดออกจากงาน หรือมีปัญหาที่ทำงาน เพราะไม่สามารถทำงานได้ดีเท่าที่เคย"

THB Brazil
รามอส บอกว่า ผู้หญิงมักจะต้องกลับบ้านไปทำงาน "กะที่สอง" อยู่แล้วหลังจากเลิกงาน

รามอสบอกว่า แม้ผู้หญิงบางคนยังมีรายได้มั่นคง แต่หลายคนก็บอกว่าไม่สามารถทำอย่างนี้ต่อไปได้อีกนานนัก ในสถานการณ์ปกติ ผู้หญิงมักจะต้องกลับบ้านไปทำงาน "กะที่สอง" อยู่แล้วหลังจากเลิกงาน ตอนนี้ผู้หญิงหลายคนที่เธอรู้จัก "พยายามทำงานสองกะไปพร้อม ๆ กัน" สร้างผลกระทบต่อสุขภาพจิต ทำให้บางคนคิดจะลาออกจากงานเลยด้วยซ้ำ

ที่ทำงานแบบใหม่

"เราต้องเริ่มพิจารณากันอย่างจริงจังแล้วว่าผู้หญิงต้องเผชิญกับประสบการณ์แบบไหนในที่ทำงาน" อัลลิสัน ซิมเมอร์แมน ผู้อำนวยการคาทาลิสต์ (Catalyst) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ร่วมกับบริษัทต่าง ๆ พัฒนาสถานที่ทำงานเพื่อผู้หญิง

หลายปีที่ผ่านมา คาทาลิสต์ตามดูอาชีพการงานของคนที่จบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ 10,000 คน ทั้งหญิงและชาย จากมหาวิทยาลัยดังในเอเชีย แคนาดา ยุโรป และสหรัฐฯ

งานวิจัยของพวกเขาพบว่าความยืดหยุ่นในที่ทำงานส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้หญิงว่าจะมีลูกหรือไม่

Getty Images
งานวิจัยโดยคาทาลิสต์พบว่า หลังจบปริญญาโท ผู้ชายมักได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นทันทีที่ย้ายบริษัท แต่ผู้หญิงจะได้เงินเดือนเพิ่มก็ต่อเมื่อพิสูจน์ตัวเองกับหัวหน้าได้

แต่หากไม่นับเรื่องประสบการณ์ หรือว่ามีลูกหรือไม่ ผู้หญิงก็ต้องเผชิญกับอคติที่ทำให้พวกเขาไม่ก้าวหน้าทางการงานอยู่แล้ว คาทาลิสต์พบว่าผู้หญิงที่จบปริญญาโทมักจะเริ่มงานในตำแหน่งที่ต่ำกว่าผู้ชาย และการทำงานนานหลายชั่วโมงต่อวันดูจะช่วยให้ผู้ชายก้าวหน้าในอาชีพการงานได้ แต่ไม่ใช่กับผู้หญิง

นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า หลังจบปริญญาโท ผู้ชายมักได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นทันทีที่ย้ายบริษัท แต่ผู้หญิงจะได้เงินเดือนเพิ่มก็ต่อเมื่อพิสูจน์ตัวเองกับหัวหน้าได้

วิกฤตเศรษฐกิจยิ่งทำให้สถานการณ์แย่

งานวิจัยชิ้นใหม่โดยนักวิชาการหลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ชี้ว่า อคติเหล่านี้สามารถกลับมาอีกครั้งอย่างแข็งขันขณะโลกเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ

งานวิจัยที่กำลังจะตีพิมพ์นี้บอกว่าเมื่อบริษัทกำลังเผชิญวิกฤต โอกาสที่ผู้หญิงจะได้รับเลือกให้นั่งเป็นกรรมการบริษัท (board of directors) ก็จะยิ่งน้อยลง

จากการศึกษากระบวนการเลือกกรรมการบริษัท 50,000 ครั้ง ในบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 1,100 แห่ง ระหว่างปี 2003 ถึง 2015 นักวิจัยพบว่าผู้ถือหุ้นยินดีสนับสนุนกรรมการบริษัทที่เป็นผู้หญิงเมื่อสถานการณ์เป็นไปด้วยดี

อย่างไรก็ดี หากบริษัทกำลังเผชิญวิกฤต มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะเลิกสนับสนุนตัวเลือกที่เป็นผู้หญิง

คอรินน์ โพสต์ หนึ่งในคณะนักวิจัยซึ่งมาจากมหาวิทยาลัยลีไฮ ในรัฐเพนซิลเวเนีย บอกว่า "ยากที่จะหาคำอธิบายอื่นนอกจากเรื่องอคติที่มีต่อความทุ่มเทในการทำงานของผู้หญิง และเรื่องที่ว่าผู้หญิงทำงานหนักเท่าที่ควรหรือไม่"

Getty Images
วิกฤตโควิด-19 ทำให้ผู้หญิงที่มีรายได้น้อยตกงานมากกว่าผู้ชาย เพราะว่าผู้หญิงจำนวนมากทำงานอยู่ในภาคธุรกิจภาคโรงแรม อาหารและค้าปลีก ซึ่งได้รับผลกระทบหนัก

สภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) บอกว่า ผู้ชายและผู้หญิงมีความเท่าเทียมมากขึ้นในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา แต่ต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยหนึ่งศตวรรษก่อนที่จะมีความเท่าเทียมในที่ทำงานระหว่างผู้ชายและผู้หญิง

วิกฤตโควิด-19 ทำให้ผู้หญิงที่มีรายได้น้อยตกงานมากกว่าผู้ชาย เพราะว่าธุรกิจภาคโรงแรม อาหาร ค้าปลีก ซึ่งได้รับผลกระทบหนัก มีผู้หญิงทำงานอยู่มากเป็นพิเศษ

ในสหรัฐฯ อัตราการว่างงานของผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย

ถอยหนึ่งก้าว ก้าวหน้าสองก้าว

Getty Images
ซิมเมอร์แมนบอกว่า ผู้หญิงที่เพิ่งจบปริญญาด้านธุรกิจใหม่ควรดูว่าบริษัทที่จะสมัครงานเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเติบโตในหน้าที่การงานแค่ไหน ไม่ใช่แค่ดูว่าบริษัทนั้นดีแค่ไหน

อย่างไรก็ดี ซิโมน รามอส เชื่อว่า วิกฤตครั้งนี้จะทำให้บริษัทต่าง ๆ ปรับตัว เข้าอกเข้าใจและให้ทางเลือกพนักงานในการทำงานอย่างยืดหยุ่นมากขึ้น

"ฉันคิดว่าเราจะถอยหนึ่งก้าว ก่อนหน้าที่จะก้าวไปข้างหน้าสองก้าว" ลูเซียนา บาร์เร็ตโต ประธานบริหารบริษัทเอ็มสแควร์ บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ดูแลสินทรัพย์มูลค่าถึง 1 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก กล่าว

เธอบอกว่า ผู้หญิงเข้าใจมากขึ้นว่าการงานทั้ง "ให้อิสระและก็เติมเต็ม" พวกเธอ และเชื่อว่าหลังวิกฤตโควิด-19 ผู้หญิงจะตั้งคำถามต่อบริษัทที่อยากเข้าทำงานมากขึ้นว่าวัดคนที่ความสามารถหรือเปล่า

อัลลิสัน ซิมเมอร์แมน จากคาทาลิสต์ บอกว่า ผู้หญิงที่เพิ่งจบปริญญาด้านธุรกิจใหม่ควรดูว่าบริษัทที่จะสมัครงานเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเติบโตในหน้าที่การงานแค่ไหน ไม่ใช่แค่ดูว่าบริษัทนั้นดีแค่ไหน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง