โควิด-19 : เหตุใดผู้หญิงทั่วโลกอาจต้องทำงานหนักขึ้นหลังการระบาดของไวรัส
เช่นเดียวกับผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในอาชีพจำนวนมาก ซิโมน รามอส บอกว่าเธอต้องทำงานหนักกว่าผู้ชายเพื่อไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งสูง ๆ
ในฐานะผู้บริหารและผู้จัดการด้านความเสี่ยงของทีเอชบี (THB) บริษัทนายหน้าประกันภัย ในนครเซาเปาโล ประเทศบราซิล รามอสบอกว่า การเป็นหัวหน้าผู้หญิงในสายงานที่เต็มไปด้วยผู้ชายทำให้เธอต้อง "ถีบตัวเองให้แกร่งขี้นทุกวัน"
"ฉันรู้ตั้งแต่ตอนเริ่มทำงานแล้วว่า ต้องเลิกงานช้ากว่า ต้องหาความรู้เพิ่ม ต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าผู้ชายถึงสามเท่า"
นอกจากงานบริษัทแล้ว รามอสเป็นที่ปรึกษาให้กับสมาคมสำหรับผู้หญิงที่ทำงานด้านการประกันในบราซิล และกำลังจะออกหนังสือในเดือน ต.ค. เธอบอกว่าผู้หญิงสามารถไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูง ๆ ได้ด้วยการมุ่งมั่นมุมานะ และมีเป้าหมายที่ชัดเจน
เธอเห็นตรงกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ว่าผู้หญิงได้รับแรงกดดันมากกว่าผู้ชายในช่วงการระบาดใหญ่ และวิกฤตนี้อาจเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าด้านอาชีพการงานได้
ควบสองกะ
พ่อแม่ที่ทั้งต้องทำงานที่บ้านและสอนหนังสือลูกไปด้วยต้องเผชิญแรงกดดันเป็นพิเศษ
องค์การแรงงานระหว่างประเทศบอกว่า ผู้หญิงยังต้องแบกรับ 3 ใน 4 ของภาระการดูแลทั้งหมดโดยไม่ได้เงินค่าตอบแทน
"ไม่ใช่ความลับเลยที่บรรดาแม่ ๆ ยังคงเป็นผู้แบกรับภาระการเลี้ยงดูลูกและงานบ้านในครอบครัวส่วนใหญ่" จัสตีน โรเบิร์ตส์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารมัมส์เน็ต (Mumsnet) เครือข่ายออนไลน์สำหรับพ่อแม่ที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร กล่าว
"คนเป็นแม่กังวลว่าพวกเธอจะถูกปลดออกจากงาน หรือมีปัญหาที่ทำงาน เพราะไม่สามารถทำงานได้ดีเท่าที่เคย"
- ผู้หญิงฟิลิปปินส์เผชิญวิกฤตขาดแคลนผลิตภัณฑ์คุมกำเนิดท่ามกลางภาวะโรคระบาด
- ผู้นำประเทศหญิงจัดการกับการระบาดไวรัสโคโรนาได้ดีกว่าผู้นำชายจริงหรือ
- สามเรื่องเล่าอันขมขื่นจากชีวิตที่ไร้ความเท่าเทียมของหญิงในอินเดีย
- แรงงานข้ามชาติถูกกฎหมายกับความยากลำบากในการเข้าถึงสวัสดิการรัฐ
รามอสบอกว่า แม้ผู้หญิงบางคนยังมีรายได้มั่นคง แต่หลายคนก็บอกว่าไม่สามารถทำอย่างนี้ต่อไปได้อีกนานนัก ในสถานการณ์ปกติ ผู้หญิงมักจะต้องกลับบ้านไปทำงาน "กะที่สอง" อยู่แล้วหลังจากเลิกงาน ตอนนี้ผู้หญิงหลายคนที่เธอรู้จัก "พยายามทำงานสองกะไปพร้อม ๆ กัน" สร้างผลกระทบต่อสุขภาพจิต ทำให้บางคนคิดจะลาออกจากงานเลยด้วยซ้ำ
ที่ทำงานแบบใหม่
"เราต้องเริ่มพิจารณากันอย่างจริงจังแล้วว่าผู้หญิงต้องเผชิญกับประสบการณ์แบบไหนในที่ทำงาน" อัลลิสัน ซิมเมอร์แมน ผู้อำนวยการคาทาลิสต์ (Catalyst) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ร่วมกับบริษัทต่าง ๆ พัฒนาสถานที่ทำงานเพื่อผู้หญิง
หลายปีที่ผ่านมา คาทาลิสต์ตามดูอาชีพการงานของคนที่จบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ 10,000 คน ทั้งหญิงและชาย จากมหาวิทยาลัยดังในเอเชีย แคนาดา ยุโรป และสหรัฐฯ
งานวิจัยของพวกเขาพบว่าความยืดหยุ่นในที่ทำงานส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้หญิงว่าจะมีลูกหรือไม่
แต่หากไม่นับเรื่องประสบการณ์ หรือว่ามีลูกหรือไม่ ผู้หญิงก็ต้องเผชิญกับอคติที่ทำให้พวกเขาไม่ก้าวหน้าทางการงานอยู่แล้ว คาทาลิสต์พบว่าผู้หญิงที่จบปริญญาโทมักจะเริ่มงานในตำแหน่งที่ต่ำกว่าผู้ชาย และการทำงานนานหลายชั่วโมงต่อวันดูจะช่วยให้ผู้ชายก้าวหน้าในอาชีพการงานได้ แต่ไม่ใช่กับผู้หญิง
นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า หลังจบปริญญาโท ผู้ชายมักได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นทันทีที่ย้ายบริษัท แต่ผู้หญิงจะได้เงินเดือนเพิ่มก็ต่อเมื่อพิสูจน์ตัวเองกับหัวหน้าได้
วิกฤตเศรษฐกิจยิ่งทำให้สถานการณ์แย่
งานวิจัยชิ้นใหม่โดยนักวิชาการหลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ชี้ว่า อคติเหล่านี้สามารถกลับมาอีกครั้งอย่างแข็งขันขณะโลกเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ
งานวิจัยที่กำลังจะตีพิมพ์นี้บอกว่าเมื่อบริษัทกำลังเผชิญวิกฤต โอกาสที่ผู้หญิงจะได้รับเลือกให้นั่งเป็นกรรมการบริษัท (board of directors) ก็จะยิ่งน้อยลง
จากการศึกษากระบวนการเลือกกรรมการบริษัท 50,000 ครั้ง ในบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 1,100 แห่ง ระหว่างปี 2003 ถึง 2015 นักวิจัยพบว่าผู้ถือหุ้นยินดีสนับสนุนกรรมการบริษัทที่เป็นผู้หญิงเมื่อสถานการณ์เป็นไปด้วยดี
อย่างไรก็ดี หากบริษัทกำลังเผชิญวิกฤต มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะเลิกสนับสนุนตัวเลือกที่เป็นผู้หญิง
คอรินน์ โพสต์ หนึ่งในคณะนักวิจัยซึ่งมาจากมหาวิทยาลัยลีไฮ ในรัฐเพนซิลเวเนีย บอกว่า "ยากที่จะหาคำอธิบายอื่นนอกจากเรื่องอคติที่มีต่อความทุ่มเทในการทำงานของผู้หญิง และเรื่องที่ว่าผู้หญิงทำงานหนักเท่าที่ควรหรือไม่"
สภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) บอกว่า ผู้ชายและผู้หญิงมีความเท่าเทียมมากขึ้นในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา แต่ต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยหนึ่งศตวรรษก่อนที่จะมีความเท่าเทียมในที่ทำงานระหว่างผู้ชายและผู้หญิง
วิกฤตโควิด-19 ทำให้ผู้หญิงที่มีรายได้น้อยตกงานมากกว่าผู้ชาย เพราะว่าธุรกิจภาคโรงแรม อาหาร ค้าปลีก ซึ่งได้รับผลกระทบหนัก มีผู้หญิงทำงานอยู่มากเป็นพิเศษ
ในสหรัฐฯ อัตราการว่างงานของผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย
ถอยหนึ่งก้าว ก้าวหน้าสองก้าว
อย่างไรก็ดี ซิโมน รามอส เชื่อว่า วิกฤตครั้งนี้จะทำให้บริษัทต่าง ๆ ปรับตัว เข้าอกเข้าใจและให้ทางเลือกพนักงานในการทำงานอย่างยืดหยุ่นมากขึ้น
"ฉันคิดว่าเราจะถอยหนึ่งก้าว ก่อนหน้าที่จะก้าวไปข้างหน้าสองก้าว" ลูเซียนา บาร์เร็ตโต ประธานบริหารบริษัทเอ็มสแควร์ บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ดูแลสินทรัพย์มูลค่าถึง 1 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก กล่าว
เธอบอกว่า ผู้หญิงเข้าใจมากขึ้นว่าการงานทั้ง "ให้อิสระและก็เติมเต็ม" พวกเธอ และเชื่อว่าหลังวิกฤตโควิด-19 ผู้หญิงจะตั้งคำถามต่อบริษัทที่อยากเข้าทำงานมากขึ้นว่าวัดคนที่ความสามารถหรือเปล่า
อัลลิสัน ซิมเมอร์แมน จากคาทาลิสต์ บอกว่า ผู้หญิงที่เพิ่งจบปริญญาด้านธุรกิจใหม่ควรดูว่าบริษัทที่จะสมัครงานเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเติบโตในหน้าที่การงานแค่ไหน ไม่ใช่แค่ดูว่าบริษัทนั้นดีแค่ไหน