"หุ้นกลุ่มรพ." 2H63 เริ่มสร่างไข้...ปี 64 กลับมาแข็งแรง
ทันหุ้น-สู้โควิด : บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) สแกน "กลุ่มโรงพยาบาล" รัฐคลาย lockdown ต่างชาติ ต่อลมหายใจ...ฟื้นจริงรอหลังวัคซีน สถานการณ์ของกลุ่มรพ.ที่รับผู้ป่วยต่างชาติเริ่มดีขึ้น หลังรัฐผ่อนคลายให้ต่างชาติสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ ระยะแรกตั้งแต่ 1 กค. 63 ที่ผ่านมาที่ เริ่มจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ อาทิ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน และบางเมืองของจีน
ล่าสุด เมื่อ 15 ก.ย.63 ที่ผ่านมา ครม. อนุมัติหลักการ แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) อนุญาต ให้อยู่ในประเทศไทยได้ครั้งละ 90 วัน และต่ออีก 2 ครั้งรวม 270 วัน ซึ่งมีเงื่อนไข กักตัวในห้องพักจำนวน 14 วัน มองว่าเป็นผลบวกต่อโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติสูง ได้แก่ BH (65%) BDMS (30%) รองลงมา PR9 (15%) EKH (12%) BCH (11%) และพบว่ามีหลาย รพ.ได้เข้าร่วมกับภาครัฐในการใช้สถานที่เป็นที่กักตัวทั้งแบบ สถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine :ASQ) และสถานที่กักตัวควบคู่ไปกับการรักษาพยาบาล (Alternative Hospital Quarantine :AHQ)
โดย BDMS ซึ่งมีจำนวนโรงพยาบาลในเครือมากที่สุด โดยเข้าเป็น AHQ ทั้งหมด 30 แห่ง และมี ASQ 1 แห่ง รองลงมา BCH เข้าเป็น AHQ ทั้งหมด 13 แห่ง และมี ASQ 11 แห่ง ขณะที่ EKH ใช้โรงพยาบาลเป็น ASQ และให้ข้อมูลว่าหลังรัฐบาลเปิดประเทศ มีการยื่นขอไปแล้ว 70 ราย มีผ่านแล้ว 20 ราย ซึ่งเป็นลูกค้าจีน ที่เดินทางมารักษา IVF ส่วน BH เข้าเป็น AHQ ทั้งหมด 1 แห่ง และร่วมมือกับ โรงแรมพันธมิตร 5 แห่ง รองรับได้จำนวน 763 ห้อง คาดว่ารัฐบาลมีแนวโน้มผ่อนปรนมากขึ้นเรื่อยๆจากนี้ หากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น แต่เราคาดว่าผู้ป่วยต่างประเทศจะกลับมาเป็นปกติ หลังจากมีการคิดค้นวัคซีนสำเร็จ ซึ่งเราคาดว่าจะภายใน 1H64
**คาดผลประกอบการ 2H63 เริ่มฟื้นตัว...ปี 64 กลับมาเด่น
ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการใน 2H63 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างมีนัยเมื่อเทียบกับ Q2/63 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังรัฐบาลมีการผ่อนปรนมาตรการ lockdown กอปรกับเข้าช่วงฤดูฝนซึ่งเป็น High season ของอุตสาหกรรม ซึ่งมีไข้ตามฤดูกาล อาทิโรคไข้หวัด โรคไข้เลือดออก ส่งผลให้ผู้ป่วยกลับมาใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยในระเทศ ซึ่งในเดือน ส.ค - ก.ย อัตราการใช้บริการ ของผู้ป่วยในประเทศกลับสู่ระดับ 70-80% ของระดับปกติ ส่วนจำนวนผู้ป่วยต่างชาติ ยังติดลบ YoY แต่มีแนวโน้มดีขึ้น QoQ หลังรัฐผ่อนคลายให้ต่างชาติ สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้
ภาพรวมปี 2563 คาดกำไรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ภายใต้ Coverage ของเรา 7 บริษัท ที่ 8,636 ล้านบาท (-32%YoY) โดยคาดว่า BCH จะมีผลประกอบการจะ Outperform กลุ่ม เนื่องจาก 1) ได้รับผลบวกจากการที่ประกันสังคมปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัว ราว 5.6% ในช่วงต้นปี เป็น 3,959 บาทต่อหัว 2) มีรายได้จากการให้บริการตรวจ COVID-19 ซึ่งเคสสูงสุดในกลุ่ม รพ.เอกชน ช่วยชดเชยชดเชยรายได้จากผู้ป่วยเงินสดที่ลดลง
ปี 2564 เราคาดผลประกอบการฟื้นตัว 43%YoY เป็น 12,350 ล้านบาท อิงสมมติฐาน สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั่วโลกเริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น และสามารถคิดค้นวัคซีนรักษาได้ ซึ่งจะทำให้คนไข้ต่างประเทศเดินทางมารักษามากขึ้น
คงน้ำหนักการลงทุน “เท่าตลาด” เลือก BCH และ BDMS เป็นหุ้นเด่น มองว่าผลประกอบการของกลุ่มโรงพยาบาลผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดหวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะบรรเทาลงในครึ่งปีหลัง และจะกลับมาปกติได้ในปีหน้าหลังค้นพบวัคซีน แนะนำลงทุนในเชิง selective
โดยแนะนำ “ซื้อ” BCH (TP THB19.30) ซึ่งมีผลประกอบการ ที่เติบโตดีกว่ากลุ่ม ซึ่งมีผลบวกจากการปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคม รายได้หนุนการให้บริการตรวจ COVID-19 และ BDMS (TP THB24.30) คาดผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้นในครึ่งปีหลัง และจะกลับมาเติบโตโดดเด่นในปี 2564 หลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น ซึ่งหลังผ่านช่วง COVID-19 BDMS เรามองว่าจะกลับเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไรอีกครั้ง