ตร.แจ้งข้อหา 32 รุ่นพี่รับน้องโหด มทร.อีสานเล็งฟันโทษ 'หักคะแนน-พักการเรียน-ไล่ออก' ผู้มีเอี่ยว
คืบหน้ารับน้องโหด มทร.อีสาน เตรียมประชุมคณะกรรมการพิจารณาบทลงโทษรุ่นพี่ที่เกี่ยวข้องวันนี้ ขณะที่ตำรวจแจ้งข้อหารุ่นพี่ 32 คนแล้ว
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นายพัสยศ ชลภักดี หรือเปรม อายุ 19 ปี นักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน นครราชสีมา เสียชีวิตจากการถูกกลุ่มรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายในกิจกรรมรับน้องใหม่ที่แอบจัดนอกสถานที่ เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นตำรวจสอบปากคำกลุ่มรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหากับกลุ่มรุ่นพี่ 7 คน ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย โดยทั้ง 7 คนได้ให้รับทราบข้อกล่าวหา และพนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวไป เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
ผศ.สุรพจน์ วัชโรภากุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ทางมหาวิทยาลัยจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการปกครอง เพื่อพิจารณาบทลงโทษนักศึกษารุ่นพี่ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดยจะนำสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มะเริง มาประกอบการพิจารณาด้วย หากพบว่ามีนักศึกษาคนใดเกี่ยวข้องโดยตรงกับการก่อเหตุชกท้อง จนเป็นเหตุให้น้องเปรมเสียชีวิต ก็จะถือว่ามีความผิดร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกจากมหาวิทยาลัย
ผศ.สุรพจน์กล่าวว่า ส่วนกลุ่มที่เกี่ยวข้องในการเป็นตัวตั้งแอบจัดกิจกรรมรับน้องจะมีโทษพักการศึกษา และผู้ที่มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมรับน้องก็จะมีโทษหักคะแนน เป็นต้น ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยจะเร่งรัดให้คณะกรรมการปกครองสรุปผลการสอบสวนพิจารณาบทลงโทษให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้
ด้าน พ.ต.อ.คณัสนันท์ สุวรรณทรัพย์ ผู้กำกับการ สภ.มะเริง เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.มะเริง สอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมรับไปแล้วกว่า 60 ปาก พร้อมแจ้งข้อกล่าวหากลุ่มรุ่นพี่ 7 คน ในฐานความผิดร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และฐานความผิดร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่น และกลุ่มรุ่นพี่ทั้งหมด 25 คนถูกแจ้งข้อหา ความผิดร่วมกันทำให้ผู้อื่นขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล และความผิดฐานฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดยสั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดสรุปสำนวนคดีภายใน 30 วัน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป