คุมตัว 7 รุ่นพี่ชี้จุดต่อยท้อง ‘น้องเปรม’ จนตาย งานเข้าอีก เจ้าของที่แจ้งความข้อหาบุกรุก
ข่าววันนี้ จากกรณี นายพัสยศ หรือเปรม อายุ 19 ปี นักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เสียชีวิตจากการถูกรุ่นพี่ทำร้ายในกิจกรรมรับน้อง ที่แอบจัดนอกสถานศึกษา เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นตำรวจสอบปากคำ 7 รุ่นพี่ และแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ก่อนปล่อยตัวไป เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 17 มี.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้พนักงานสอบสวน สภ.มะเริง อ.เมืองนครราชสีมา ควบคุมตัวรุ่นพี่ 7 คนที่ถูกแจ้งดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณทุ่งนาบ้านโคกมะกอก หมู่ที่ 14 ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยใช้เวลาในการทำแผนประมาณ 15 นาที จึงปล่อยตัวกลุ่มรุ่นพี่ทั้งหมดกลับไป โดยไม่ควบคุมตัวเนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
พ.ต.อ.คณัสนันท์ สุวรรณทรัพย์ ผู้กำกับการ สภ.มะเริง เปิดเผยความคืบหน้าของคดีว่า ขณะนี้พนักงานสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องเกือบครบหมดทุกคนแล้ว และเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้ได้แจ้งข้อกล่าวหากับกลุ่มรุ่นพี่ 7 คนที่ลงมือทำร้ายน้องเปรม ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย
และขณะนี้เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับกลุ่มรุ่นพี่ ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากมีรุ่นน้องบางคนได้รับบาดเจ็บ ข้อหาทำให้ขายหน้าต่อธารกำนัล กรณีสั่งให้รุ่นน้องถอดเสื้อผ้าเปลือยกายล่อนจ้อนขณะทำกิจกรรมรับน้อง และข้อหาความผิดกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดยพนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับรุ่นพี่คนใดบ้าง
ขณะที่ทางมหาวิทยาลัย เตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุรพจน์ วัชโรภากุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัย เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน เพื่อพิจารณาขั้นตอนบทลงโทษนักศึกษารุ่นพี่ที่รับน้องเสียชีวิต
โดยจะพิจารณาลงโทษตามระดับความผิดของรุ่นพี่แต่ละคน ซึ่งมีโทษตั้งแต่ตัดคะแนนความประพฤติ พักการเรียน ให้ออก และโทษสูงสุดคือไล่ออก โดยคาดว่าจะสรุปผลแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์
ขณะเดียวกัน นายศรัณย์ อ่องพิมาย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านโคกมะกอก และเป็นเจ้าของไร่อ้อยที่กลุ่มรุ่นพี่ใช้จัดกิจกรรมรับน้อง เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุช่วงค่ำ ตนพบเห็นกลุ่มนักศึกษา ผ่านเข้ามาในพื้นที่โดยนั่งกันมาบนรถกระบะหลายคัน แต่ตนก็ไม่ทราบว่าไปทำอะไรกัน
จนกระทั่งทราบข่าวว่ามีการไปรับน้องในไร่อ้อยของตนเอง ซึ่งตนไม่ได้อนุญาตให้ใช้สถานที่จัดกิจกรรมรับน้อง ขออนุญาตใช้พื้นที่แต่อย่างใด ซึ่งตนกำลังปรึกษากับญาติว่า อาจจะต้องแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มรุ่นพี่ในข้อหาบุกรุกใช้สถานที่โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับคนอื่นต่อไป