เจ้าของช็อก! หนุ่มเนียนยึดบ้านตากอากาศ อยู่มาเกือบปี ตกแต่งเละเทะ
ข่าววันนี้ จากกรณีคลิปวิดีโอเหตุการณ์ชายแปลกหน้าเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านพักตากอากาศ ที่บ้านนาหลวง ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ทั้งที่ไม่ใช่ของตนเองนานกว่า 8 เดือน สร้างความเสียหายให้แก่ตัวบ้าน โดยอ้างว่าซื้อบ้านหลังดังกล่าวมาแล้วในราคา 5 ล้านบาท เหตุเมื่อวันที่ 10 มกราคม 65 ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2565 นางกัลยา บุตรดีศักดิ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 65 ช่วงเช้าตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีบุคคลแปลกหน้าเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านพักตากอากาศของญาติที่มอบหมายให้ตนดูแลมานานเกือบปีแล้ว หลังทราบเรื่องจึงได้เดินทางไปพร้อมกับลูกชาย และสามี พร้อมกับกำนันต.เขาหลวง เข้าตรวจสอบ
พบว่าบ้านถูกแปรสภาพไปจนแทบจำไม่ได้ จากเดิมสีขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง สภาพรอบบ้านทรุดโทรม โดยพบว่ามีชายอายุประมาณ 30 ปี ทราบชื่อภายหลังคือนายอัด เป็นชาวจ.ขอนแก่น อาศัยอยู่ภายในบ้าน โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้าน ซื้อมาอย่างถูกต้องในราคา 5 ล้านบาท
แต่จากการตรวจสอบพบว่าเอกสารสำเนาโฉนดที่ดินต่าง ๆ เป็นของเจ้าของบ้านที่เก็บไว้ในตู้ นายอัด ได้เอาปากกาสีแดงมาทาครุฑ พยายามปลอมแปลงว่าเป็นโฉนดตัวจริง และเขียนสลักหลังว่าซื้อมาในราคา 5 ล้านบาท นายอัด บอกว่าได้ต่อเติมซ่อมแซม ปรับปรุงบ้านเตรียมทำร้านอาหาร หมดเงินไปแล้วกว่า 3 ล้านบาท
ด้านกำนันได้ขอดูบัตรประชาชนแต่นายอัด พยายามบ่ายเบี่ยงไม่นำมาแสดง และยังยืนยันว่าเป็นเจ้าของบ้านตัวจริง ซึ่งขณะนั้นนางกัลยา ได้วิดีโอคอลไปหาน.ส.สุภาวดี เจ้าของบ้านตัวจริง ถ่ายทอดสดให้เห็นเหตุการณ์และพูดคุยกับนายอัด
นางกัลยา กล่าวว่า บ้านหลังนี้มีน.ส.สุภาวดี รามศิริ เป็นเจ้าของ เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกันมาก ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สร้างบ้านหลังนี้ไว้พักผ่อนเวลากลับมาจ.เลย แต่เนื่องจากไม่ค่อยได้กลับมาดูแล จึงประกาศขาย ภายในบ้านมีทุกอย่างเพียบพร้อม ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เตียงนอน โดยมอบหมายให้ตนดูแล
แต่ด้วยความไว้วางใจจึงไม่ได้ไปดูแลบ่อยเพราะมีรั้วรอบขอบชิด ประตูล็อกอย่างดีหลายชั้น ไม่คิดว่าจะมีคนบุกรุกเข้าไปอยู่ได้ขนาดนี้ ตอนนี้ต้องให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย เอาผิดให้ถึงที่สุด
ล่าสุดตำรวจสภ.วังสะพุง ได้เดินทางมาควบคุมตัวนายอัด ไปสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย ในเบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาการบุกรุกที่ดินของผู้อื่น การบุกรุกอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินของบุคคลอื่น และทำให้เสียทรัพย์