โอกาสลดดอกเบี้ยเดือนธันวาฯ ดิ่งเหลือ 33% กดตลาดคริปโตกลัวขั้นสุด!

โอกาสลดดอกเบี้ยเดือนธันวาฯ ดิ่งเหลือ 33% กดตลาดคริปโตกลัวขั้นสุด!
ตลาดคริปโตกลับเข้าสู่ความกังวลอีกครั้ง หลังจากโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนธันวาคม ดิ่งจาก 67% เหลือเพียง 33% ตามข้อมูลจาก CME Group ซึ่งสะท้อนมุมมองนักลงทุนที่ระมัดระวังขึ้นท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ความน่าจะเป็นของเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยสำหรับการประชุม FOMC เดือนธันวาคม ที่มา: CME Group
ขณะที่ความหวังเรื่องนโยบายการเงินผ่อนคลายถูกลดทอน ราคา Bitcoin ดิ่งต่ำกว่า $89,000 และยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 365 วันต่อเนื่องเป็นวันที่หก สร้างแรงกดดันต่อภาพทางเทคนิคในระยะกลาง
สัญญาณทางเทคนิคชี้ขาลงต่อเนื่อง
Bitcoin ส่งสัญญาณลบชัดเจนจาก
- 50-day EMA ตัดลงต่ำกว่า 200-day EMA หรือ “Death Cross”
- การหลุดระดับแนวรับสำคัญหลายจุด
- การเคลื่อนไหวต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 365 วัน ซึ่งปกติแล้วเป็นแนวรับเชิงโครงสร้างของรอบตลาด
นักวิเคราะห์บางรายเริ่มประเมินว่าราคามีโอกาสทดสอบระดับ $75,000 เพื่อสร้างฐานใหม่ ก่อนอาจกลับมาฟื้นตัวปลายปี 2025 หากรอบตลาดยังไม่จบรอบ
ตลาดกลัวหนัก! Fear & Greed Index แตะ 16
ดัชนี Crypto Fear & Greed ลดลงมาอยู่ที่ 16 (Extreme Fear) ใกล้ระดับต่ำสุดของปี สะท้อนว่าแรงเทขายจากความกังวลยังคงครอบงำทั้งตลาด
ที่มา: CoinMarketCap
แม้สภาวะเช่นนี้เคยนำไปสู่การรีบาวด์ระยะกลางในอดีต แต่ก็อาจเป็นสัญญาณของภาวะตลาดขาลงที่ลึกขึ้น หากราคาไม่สามารถกลับมาเหนือเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญได้ในเร็ว ๆ นี้
นักวิเคราะห์เริ่มจับตา "สัปดาห์ตัดสิน" ของ Bitcoin
Benjamin Cowen นักวิเคราะห์ชื่อดังระบุว่า “หาก Bitcoin จะเด้งเพื่อยืนยันว่ารอบยังไม่จบ ต้องเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้” หากไม่เกิดการรีบาวด์ อาจเห็นการเทขายก้อนใหม่และการกลับไปทดสอบระดับราคาต่ำกว่าเดิม
ราคาปิดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 365 วันในช่วงหกวันที่ผ่านมา ที่มา: TradingView
สรุปภาพรวม
ตลาดคริปโตในตอนนี้เผชิญแรงกดดันทั้งด้านนโยบายการเงินและสัญญาณเทคนิคที่ยังไม่เอื้ออำนวย นักลงทุนน่าจะเห็นความผันผวนเพิ่มขึ้นในระยะสั้น ขณะที่ทิศทางระยะกลางยังต้องจับตาว่าราคาจะสามารถกลับมายืนเหนือระดับสำคัญได้หรือไม่
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/fed-rate-cut-odds-drop-bitcoin-falls-below-89k-extreme-fear
สัญญาณขาลงแรง! SuperTrend ชี้ Bitcoin เสี่ยงร่วง 77% ซ้ำรอยปี 2018–2022
ตลาดคริปโตกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คือความร้อนจากแรงขายและความกลัวที่ปกคลุมไปทั่ว หลังจาก ตัวชี้วัด SuperTrend บนกราฟรายสัปดาห์ของ Bitcoinส่งสัญญาณ “ขาย” ครั้งแรกตั้งแต่ต้นปี 2023 ซึ่งในอดีตสัญญาณเดียวกันนี้เคยนำไปสู่การร่วงลงของ BTC มากถึง 77–84% ในปี 2018 และ 2022
SuperTrend ฟลิปแดง = ระวังตลาดหมี
สัญญาณขายของ SuperTrend ถูกยืนยันเมื่อราคา BTC ปิดแท่งสัปดาห์ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 50 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นโซนสำคัญในโครงสร้างขาขึ้นในอดีต หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย อาจเห็นราคา Bitcoin ลงไปลึกถึงระดับ $75,000 โดยมีปัจจัยกดดันจาก
กราฟรายสัปดาห์ BTC/USD ที่มา: Cointelegraph/ TradingView
- แรงขายจากบริษัทที่ถือ BTC เป็นทุนสำรอง
- กระแสเงินไหลออกจาก ETF Bitcoin ในสหรัฐ
นักวิเคราะห์หลายรายเตือนว่าอาจเป็น “สัญญาณเริ่มต้นของตลาดหมีรอบใหม่” แม้จะยังไม่ใช่ข้อสรุปแบบ 100%
ตลาดกลัวจัด! Fear & Greed Index แตะระดับต่ำสุดตั้งแต่กุมภาพันธ์
ดัชนี Crypto Fear & Greed ลดลงมาอยู่ที่ 11 (Extreme Fear) สะท้อนว่าความกังวลของนักลงทุนอยู่ในระดับสูงมาก
ความกลัวลากยาว 2–3 เดือน → ราคาดิ่งเพิ่มอีก 40% → BTC ทำ ATH ใหม่ที่ $69,000
2) เข้าสู่ตลาดหมี – แบบปี 2022
Fear & Greed ต่ำยาวหลายเดือน → BTC หลุดลงไป $15,000
นักวิเคราะห์จาก Milk Road ชี้ว่า “มีโอกาสสูงที่ BTC จะเจ็บเพิ่มอีกในระยะสั้น ก่อนจะรีบาวด์ภายใน 2–3 สัปดาห์”
สรุปภาพรวมตลาด
แม้สัญญาณขาลงจะเริ่มชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่า Bitcoin จะจบรอบขาขึ้นเสมอไป ตลาดเคยผ่านสัญญาณลักษณะนี้ทั้งในปีที่จบขาลง และปีที่กำลังเริ่มขึ้นรอบใหม่ ดังนั้นความผันผวนระยะสั้นยังคงเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องระวัง ขณะที่มุมมองระยะกลางยังเปิดทางให้ Bitcoin มีโอกาสสร้างจุดสูงสุดใหม่ในอนาคต
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/bitcoin-supertrend-sell-signal-extreme-fear
BlackRock เดินหน้า Staked ETH ETF ตัวใหม่ เพิ่มผลตอบแทนด้วยรายได้จาก Staking
BlackRock บริษัทบริหารสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกมูลค่า $13.5 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งสัญญาณเดินหน้าเปิดตัว Staked Ethereum ETF หลังมีการลงทะเบียนชื่อกองทุนใหม่ในรัฐ Delaware ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนแรกก่อนยื่นขออนุมัติกับหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ
กองทุนใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการถือ Ethereum ผ่านการนำสินทรัพย์ไป Stake บนเครือข่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้แบบ Passive Yield ให้ผู้ถือหน่วยลงทุน ต่างจากกอง ETH ของ BlackRock เดิม (ETHA) ที่ยังไม่เปิดให้ Stake
ที่มา: Eric Balchunas
ETHA ดูดเงินเข้าแล้ว $13.1B — BlackRock พร้อมขยายไลน์เพิ่มรุ่น Staked
กอง ETHA ซึ่งเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2024 มียอดเงินไหลเข้าแล้วกว่า $13.1 พันล้านดอลลาร์ นับเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็วที่สุดของ BlackRock
แม้ ETHA จะยังไม่รองรับ Staking แต่บริษัทได้ยื่นข้อเสนอเปลี่ยนแปลงกฎกับ SEC ตั้งแต่กลางปี เพื่อเปิดทางให้เพิ่มฟีเจอร์นี้ ซึ่งสะท้อนว่าบริษัทต้องการขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง
Staked ETH ETF = ผลตอบแทนรวม (Total Return) ที่นักลงทุนรอคอย
การมีฟีเจอร์ staking ช่วยเพิ่มรายได้เฉลี่ยราว 3.95% ต่อปี ตามข้อมูลจาก Blocknative ซึ่งทำให้กองทุนอาจดึงดูดนักลงทุนสายรายได้ (Yield Investors) ได้มากขึ้น
โดยเฉพาะผู้ที่มอง Ethereum ว่าเป็นสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้ Staked ETH ETF มีโอกาสกลายเป็นสินทรัพย์ยอดนิยมถัดไปของตลาด ETF
กฎเกณฑ์ใหม่ภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ เอื้อ Crypto ETFs
ภายใต้รัฐบาล Trump นโยบายของ SEC มีท่าทีเปิดกว้างต่อผลิตภัณฑ์ Crypto มากขึ้น โดยมีการออกมาตรฐานการอนุมัติ ETF รูปแบบใหม่ที่ เร็วกว่าเดิม ไม่ต้องประเมินทีละกอง ส่งผลให้มีผลิตภัณฑ์กว่า 70 รายการ เข้าชั้นรออนุมัติ
BlackRock เองเพิ่งยื่น Bitcoin Premium Income ETF ไปเมื่อเดือนกันยายน ซึ่งชี้ว่าบริษัทกำลังค่อย ๆ ขยายไลน์สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังไม่สนใจทำ Altcoin ETF อื่นตามกระแสก็ตาม
ภาพรวม
การเดินหน้าของ BlackRock รอบนี้สะท้อนความเชื่อมั่นต่ออนาคตของ Ethereum และความต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ให้ “ผลตอบแทนรวม” แก่นักลงทุน มากกว่าการถือ ETH เฉย ๆ
หาก Staked ETH ETF เปิดตัวได้จริง จะเป็นอีกก้าวสำคัญของตลาด ETF คริปโตในปี 2026
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/blackrock-prepares-staked-ethereum-etf-registration
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
