รีเซต

พบจุดสว่างสุดในจักรวาล ! และมันกลืนกินดวงอาทิตย์เข้าไปใหม่ทุกวัน

พบจุดสว่างสุดในจักรวาล ! และมันกลืนกินดวงอาทิตย์เข้าไปใหม่ทุกวัน
TNN ช่อง16
22 กุมภาพันธ์ 2567 ( 11:37 )
63

นักวิทยาศาสตร์จากออสเตรเลียร่วมกับหอดูดาวยุโรปตอนใต้ (European Southern Observatory หรือ ESO) ตรวจพบจุดที่สว่างที่สุดในจักรวาล เป็นหลุมดำมวลมหาศาลที่อยู่ห่างจากโลกเราไป 12,000 ล้านปีแสง มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ของเรา 17,000 ล้านเท่า และสว่างกว่าถึง 500 ล้านล้านเท่า มันจะกลืนมวลสารที่มีค่าเท่ากับดวงอาทิตย์ของเราเข้าไปใหม่วันละ 1 ดวง ทำให้กลายเป็นหลุมดำที่เติบโตเร็วที่สุดเท่าที่เคยพบมา


หลายคนอาจจะมีข้อแย้ง เพราะหลุมดำมีแรงโน้มถ่วงสูงมาก ๆ จนแสงไม่สามารถหลุดออกมาได้ จนทำให้มันเป็นสิ่งที่ดำมืดที่สุดในจักรวาล แล้วหลุมดำนี้กลายเป็นจุดที่สว่างที่สุดในจักรวาลได้อย่างไร ซึ่งคำอธิบายก็คือ จริง ๆ แล้วแสงสว่างนี้ ไม่ได้มาจากจุดศูนย์กลางของหลุมดำ แต่มาจากจานสะสมมวลสารที่หมุนอยู่รอบ ๆ มัน ด้วยแรงโน้มถ่วงที่สูงมาก ๆ จนสามารถทำให้เวลาและอวกาศบริเวณนั้นบิดเบี้ยวได้ เกิดเป็นสิ่งที่ปั่นป่วนมาก ๆ ที่เรียกว่าควอซาร์ และปล่อยพลังงานแสงและความร้อนออกมา ในจักรวาลของเรามีควอซาร์อยู่นับไม่ถ้วน สำหรับควอซาร์ที่ค้นพบว่าสว่างที่สุดนี้คือ ควอซาร์ J059-4351


รองศาสตราจารย์คริสเตียน วูล์ฟ (Christian Wolf) นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (ANU) และเป็นผู้เขียนหลักของงานวิจัยนี้ได้อธิบายลักษณะของควอซาร์นี้ว่าเหมือน “เซลล์พายุแม่เหล็กขนาดมหึมาที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 ปีแสง มีอุณหภูมิ 10,000 องศาเซลเซียส มีฟ้าผ่าทุกหนทุกแห่ง มีลมที่พัดแรงมาก ๆ ขนาดที่สามารถหมุนวนรอบโลกได้ในเสี้ยววินาที”


แม้นี่จะเป็นจุดที่สว่างที่สุดในจักรวาล นึกภาพตามเผิน ๆ อาจจะคิดว่ามันควรมองเห็นได้อย่างง่ายดาย แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะจักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาลเหลือเกิน จนทำให้การมองเห็นนี้ยากมาก ๆ ทั้งนี้ในปี 1980 หอดูดาวยุโรปตอนใต้ก็ได้สำรวจอวกาศบริเวณที่ตั้งของควอซาร์นี้เช่นกัน แต่มันสว่างจน AI ที่วิเคราะห์ในสมัยนั้นชี้ว่าเป็นดาวฤกษ์ จากนั้นในการศึกษานี้มันได้รับการศึกษาอย่างละเอียดโดยกล้องโทรทรรศน์ขนาด 2.3 เมตรที่หอดูดาวไซดิงสปริง (Siding Spring) ในออสเตรเลีย และกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่มากของหอดูดาวยุโรปตอนใต้ (European Southern Observator) ในชิลี จนทำให้พบว่า "นี่คือจุดที่สว่างที่สุดในจักรวาล" นั่นเอง


การค้นพบครั้งนี้ ตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์ แอสโตรโนมี่ (Nature Astronomy) ฉบับวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2024





ที่มาข้อมูล NewAtlas, Scitechdaily, ESO

ที่มารูปภาพ ESO

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง