'ผู้ว่าฯมหาชัย' คัมแบ๊ก ลุยโควิดต่อ เผย ไม่อยากเชื่อว่าจะรอดมาได้
เมื่อวันที่ 20 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยภริยา นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร ได้เดินทางกลับมาบริหารงานที่จังหวัดสมุทรสาคร อย่างเป็นทางการ หลังจากออกจากโรงพยาบาลศิริราชเพื่อรักษาอาการป่วยจากเชื้อโควิด แล้วกลับพักฟื้นรักษาสุขภาพที่บ้านพักในจังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา
โดยการเดินทางกลับมาทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร มาแบบส่วนตัว ไม่มีพิธีต้อนรับแต่อย่างใด เมื่อมาถึงศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร ได้แวะทักทายกับเจ้าหน้าที่ โดยประเดิมประชุมร่วมกับ นายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนทั้ง 8 แห่ง คือ โรงพยาบาลมหาชัย 1, รพ.มหาชัย 2, รพ.มหาชัย 3, รพ.เอกชัย, รพ.วิชัยเวชสมุทรสาคร, รพ.วิชัยอ้อมน้อย,รพ.วิภาราม และ รพ.เจษฎาเวชการ เพื่อรับทราบถึงการให้บริการตรวจรักษาและรับผู้ติดเชื้อโควิด เข้าสู่กระบวนการดูแลของโรงพยาบาลเอกชน ภายใต้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
นายวีระศักดิ์กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาหลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว ได้ปฏิบัติงานมาอย่างต่อเนื่องแต่เป็นในรูปแบบของเวิร์กฟรอมโฮม ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สัปดาห์ ตั้งใจจะกลับมาทำงาน แต่หมอห้ามไว้ สำหรับสิ่งที่ต้องการและอยากจะให้เกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาครอันดับแรกในขณะนี้ก็คือ คนสมุทรสาครมีความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับการปรับพื้นที่จากสีส้มเป็นสีแดง
นายวีระศักดิ์กล่าวว่า มีคนสมุทรสาครหลายคนยังเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะสถานการณ์โควิดกระทบต่อคนทั้งประเทศ แต่คนสมุทรสาครหลายคนไม่เข้าใจว่า ทำไมสมุทรสาครถูกเปลี่ยนสีจากส้มเป็นแดง และจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง การเปลี่ยนแปลงพื้นที่สีนั้น สมุทรสาครเป็นเขตปริมณฑล และไม่อยากให้เอาพื้นที่สีมาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะตอนนี้ทั้งประเทศก็ล้วนแต่เป็นพื้นที่ๆ เกิดการระบาดของโรคเหมือนกัน และหลักการปฏิบัติไม่ว่าจะสีแดงหรือสีส้ม ก็มีข้อบังคับการปฏิบัติแทบไม่ต่างกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
นายวีระศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนความพร้อมจะกลับมานำทีมบริหารเพื่อสู้กับโควิดอีกครั้งนั้น ตนพร้อมสู้แล้ว แต่ก็ต้องแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะวันนี้เราไม่ได้ทำงานอยู่เพียงลำพัง เรามีทีมงานที่คอยช่วยเหลือกัน ทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ต้องคอยประคับประคองช่วยกันตามแผน
เมื่อถามว่า คิดว่าสถานการณ์โควิด-19 ในวันก่อนเข้าโรงพยาบาลกับวันนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไรนั้น นายวีระศักดิ์กล่าวว่า ถ้าถามผมแล้ว สำหรับสมุทรสาครนั้น สถานการณ์โควิดในวันนี้ดีกว่าในวันนั้นมาก เพราะวันก่อนที่จะเข้าโรงพยาบาลมีคนที่ติดเชื้อโควิดในจังหวัดสมุทรสาครแต่ละวันเพิ่มจากหลักสิบ เป็นหลักร้อย จนกระทั่งมียอดรวมเป็นหลักหมื่น แต่วันนี้ผู้ติดเชื้อรายวันมีแค่หลักสิบและส่วนใหญ่ก็เป็นคนต่างจังหวัด ส่วนคนสมุทรสาครก็จะติดเชื้อมาจากข้างนอก
“วันนี้สามารถพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า สมุทรสาครเป็นโมเดล ทำให้คนไทยทั้งประเทศเห็นว่า เราสามารถต่อสู้เอาชนะสถานการณ์โควิด เคยมีผู้ติดเชื้อค่อนข้างมาก จนวันนี้เหลือน้อยลง จนกระทั่งเกือบไม่มีเลย เพราะฉะนั้นวันนี้สถานการณ์ของสมุทรสาครดีขึ้นมากจริงๆ” นายวีระศักดิ์กล่าว
นายวีระศักดิ์กล่าวถึงโรงพยาบาลสนามว่า สำหรับโรงพยาบาลสนามนั้น ในวันที่ผมเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลศิริราช ส่วนหนึ่งที่เป็นความกังวลใจก็คือ การเกิดขึ้นของโรงพยาบาลสนามหรือศูนย์ห่วงใยคนสาคร ทำอย่างไรจะให้เกิดขึ้นให้ได้ เพราะสิ่งนี้คือจุดแตกหักจะแยกคนติดเชื้อให้ออกจากคนปกติ ถ้าไม่มีโรงพยาบาลสนามก็ไม่มีวันนี้
นายวีระศักดิ์กล่าวว่า เชื่อว่าคนสมุทรสาครคงจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า โรงพยาบาลสนามเป็นจุดทำให้สมุทรสาครดีขึ้นมาก จึงเป็นคำตอบโดยปริยายแล้วว่า โรงพยาบาลสนามเป็นหัวใจหลักในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด สิ่งที่ต้องยอมรับคือ โรงพยาบาลสนามไม่ใช่สถานที่สุขสบาย มีหลายคนกล่าวถึงโรงพยาบาลสนามในด้านลบหลายๆ อย่าง จึงอยากให้เข้าใจร่วมกันว่า แม้โรงพยาบาลสนามจะไม่สะดวกสบายแบบอยู่บ้าน แต่ขอให้เข้าใจว่าโรงพยาบาลสนามจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้เราทุกคนสู้กับสถานการณ์โควิดได้อย่างทันท่วงที
นายวีระศักดิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอบพระคุณคนไทยทั้งประเทศ ขอบพระคุณคนสมุทรสาคร สำหรับกำลังใจที่ส่งไปให้ขณะที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการสู้กับโรคโควิด 19 นั้นก็คือ กำลังใจ ที่ผ่านมาตนเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะสามารถมีชีวิตรอดกลับมาตรงนี้ได้อีกครั้ง แต่เพราะได้สิ่งสำคัญที่สุดมาช่วยพยุงนั่นก็คือกำลังใจ
“แม้จะเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้แต่ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล ฉะนั้นกำลังใจที่แต่ละคนมอบให้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันนี้ เพราะทุกคนต้องการกำลังใจเป็นอย่างสูง เพื่อการยืนหยัดต่อไปให้ได้จนกว่าสถานการณ์โควิดจะผ่อนคลาย หรือผ่านพ้นไปในที่สุด
ไวันนี้กำลังใจที่ทุกคนมีให้แก่กันและกัน จะเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้สมุทรสาครเดินหน้าต่อไป ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป ผมไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะประสบปัญหาเพิ่มมากขึ้น หรือน้อยลง แต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า วันที่เรายังมีลมหายใจ ยังมีกำลังใจที่ดี แม้จะมีอุปสรรคที่ท้าทายให้เราก้าวข้ามไป เมื่อเราผ่านพ้นไปได้ ความสำเร็จจะรอเราอยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน” นายวีระศักดิ์กล่าว