รีเซต

สัมพันธ์ ‘จีน-รัสเซีย’ แน่นแฟ้น หลังผนึกกำลังคานอำนาจชาติตะวันตก

สัมพันธ์ ‘จีน-รัสเซีย’ แน่นแฟ้น หลังผนึกกำลังคานอำนาจชาติตะวันตก
TNN ช่อง16
25 มกราคม 2565 ( 18:18 )
89

สำนักข่าว SCMP รายงานถึงมิตรภาพของจีน-รัสเซีย พร้อมวิเคราะห์ว่า เหตุใดความสัมพันธ์ของสองชาติ ที่ตะวันตกพยายามโดดเดี่ยวถึงแน่นแฟ้นดั่งเช่นปัจจุบัน


---สะพานเชื่อมสัมพันธ์---


สะพานทางหลวงจีน-รัสเซีย ที่ห่างจากกรุงปักกิ่งเกือบ 2,000 กิโลเมตร เหนือแม่น้ำที่กั้นระหว่างสองประเทศ พร้อมให้ผู้นำของทั้งสองชาติประกาศเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว


สะพานซึ่งทอดยาวไปตามแม่น้ำเฮยหลง หรือที่รู้จักในชื่ออามูร์ในรัสเซีย ได้รับการเสนอก่อสร้างครั้งแรกในปี 1988 ก่อนการเยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ของมิคาอิล กอร์บาชอฟ ซึ่งยุติความสัมพันธ์อันเย็นชาระหว่างจีน-รัสเซียที่มีมานานหลายทศวรรษ


ปี 1995 หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต โครงการนี้ได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง ผ่านการลงนามในข้อตกลงการก่อสร้างระหว่างจีนและรัสเซีย แต่เริ่มก่อสร้างในเดือนธันวาคม 2016


แม้การเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการจะล่าช้าออกไป เนื่องจากเกิดการระบาดครั้งใหญ่ แต่การสร้างสะพานจนเสร็จสมบูรณ์เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า จีนและรัสเซียได้ก้าวข้ามทศวรรษที่ขวางกั้น เพื่อให้ใกล้ชิดกันมากกว่าที่เคย


---“มิตรแท้” ของสี จิ้นผิง---


สื่อจีนรายงานว่า ตั้งแต่ปี 2013 ปูตินและสีได้จัดการประชุมทางวิดีโอ 37 ครั้ง  ครั้งล่าสุดคือเมื่อเดือนที่แล้ว และประธานาธิบดีรัสเซียมีแนวโน้มว่า จะเป็นผู้นำคนแรกที่ได้เจอกับสี จิ้นผิง แบบพบหน้าตั้งแต่โควิดเริ่มระบาด


ในระหว่างการพูดคุยเมื่อเดือนที่แล้ว ปูตินให้คำมั่นว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งในเดือนหน้า เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ขณะเดียวกัน สี จิ้นผิง ก็ให้การสนับสนุน “เพื่อนเก่าแก่” อย่างปูติน เมื่อรัสเซียอาจเผชิญการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก หากบุกโจมตียูเครน


สี ยังเรียกร้องให้มีการร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของทั้งสองประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ด้านปูตินกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ทวิภาคี “ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงระดับความไว้วางใจซึ่งกันและกันเชิงกลยุทธ์ในระดับสูง


ด้วยความไม่ไว้วางใจที่มีต่อชาติประชาธิปไตยตะวันตก จีนและรัสเซียกำลังมองหาวิธีใหม่ ในการกระชับ “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม” เพื่อตอบโต้แรงกดดันจากชาติตะวันตกไปในตัว


---ไปได้ไกลหากพึ่งพากันและกัน---


อาร์ตีม ลูกิน รองศาสตราจารย์ที่ Far Eastern Federal University ในรัสเซีย กล่าวว่า การพึ่งพาอาศัยกันทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศจะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้รัสเซียดูเหมือนจะพึ่งพาจีนมากขึ้นก็ตาม


เขาตั้งข้อสังเกตว่า เกือบ 1 ใน 5 ของการค้าต่างประเทศของรัสเซียในปัจจุบัน คือ จีน ขณะที่รัสเซียคิดเป็นเพียง 2% ของการค้าทั้งหมดของจีน แต่ “จีนก็พึ่งพาอุปทานของรัสเซียเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อความขัดแย้งกับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น” 


สวี ป๋อหลิน ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจรัสเซีย กล่าวว่า จีนจำเป็นต้องเข้าถึงแหล่งพลังงานสำรองในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อรองรับเศรษฐกิจการผลิตที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและประชากรที่เยอะที่สุดในโลก ขณะที่จีนเป็นตลาดที่มั่นคงสำหรับการส่งออกพลังงานของรัสเซียด้วยเช่นกัน


จีนยังต้องการอุปทานที่เชื่อถือได้ และมีความเสี่ยงน้อยที่จะเกิดการหยุดชะงักระหว่างการขนส่ง” สวี กล่าวเสริม 


ก๊าซและน้ำมันของรัสเซีย สามารถขนส่งทางบกมายังจีนได้ ขณะที่เรือบรรทุกน้ำมันจากตะวันออกกลาง มักเดินทางผ่านช่องแคบมะละกาที่เต็มไปด้วยโจรสลัด และพื้นที่ทะเลจีนใต้ที่นานาประเทศขัดแย้งกันอยู่


---‘จีน-รัสเซีย’ คานอำนาจชาติตะวันตก---


ขณะที่การเผชิญหน้าของทั้งสองประเทศกับสหรัฐฯ รุนแรงขึ้น ผู้นำจีน-รัสเซียได้ให้คำมั่นว่าจะร่วมมือในพื้นที่ใหม่  ซึ่งรวมถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลไซเบอร์สเปซอาร์กติก และโครงสร้างพื้นฐาน


เวลาเดียวกันนั้น จีนและรัสเซียกำลังพยายามเพิ่มการใช้สกุลเงินหยวนและรูเบิล ในการชำระเงินทวิภาคี เพื่อลดอิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และลดผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ 


เมื่อเดือนที่แล้ว ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียและจีนตกลงที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่อิสระ เพื่อให้บริการด้านการค้าระหว่างสองประเทศ “โดยไม่ได้รับอิทธิพลจากประเทศที่สาม


การประกาศดังกล่าว เป็นผลมาจากการคุกคามจากสหรัฐฯ และยุโรป ที่จะกีดกันรัสเซียออกจาก Swift ซึ่งเป็นระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก


---ยังไม่เป็นที่หมายตาของนักลงทุนจีน---


ผู้สังเกตการณ์ระบุว่า แม้ผู้นำสัญญาว่าจะบูรณาการแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน กับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชียของรัสเซีย แต่การลงทุนระดับทวิภาคียังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการลงทุนส่วนใหญ่ได้รับแรงผลักดันจากรัฐบาล 


จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสองประเทศแต่อย่างใด


โครงการที่ได้รับทุนจากจีนในรัสเซีย เป็นข้อยกเว้นมากกว่าเป็นกฎตายตัว ซึ่งบ่งชี้ว่า รัสเซียยังไม่ได้เป็นจุดหมายที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนชาวจีน” ลูกิน กล่าว


อีกประการหนึ่ง คือ การขาดแคลนโครงการร่วมในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งอธิบายได้ด้วยการผูกขาดที่ยังคงมีอยู่ในทั้งสองประเทศ


---มิตรภาพที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย---


ความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีน-รัสเซีย เป็นที่จับตาจากชาติตะวันตกมากขึ้น ซึ่งจุดชนวนให้เกิดการอภิปรายว่า การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย สามารถดึงรัสเซียออกจากจีนได้หรือไม่


สวี กล่าวว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากเศรษฐกิจรัสเซียมีความยืดหยุ่นมากขึ้นหลังถูกคว่ำบาตรมาหลายปี ความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ยังทำให้รัสเซียได้เปรียบด้านการแข่งขันในตลาดขนาดใหญ่ของจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคก๊าซธรรมชาติเหลวรายใหญ่ที่สุด


ทั้งรัสเซียและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลวไปยังจีน และแม้สหรัฐฯ จะผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่สหรัฐฯ จะนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย” สวี กล่าว


สหรัฐฯ และยุโรปอาจพัฒนาความสัมพันธ์กับรัสเซียได้ แต่ความขัดแย้งเชิงโครงสร้างระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย ทำให้พวกเขาไม่อาจเป็นพี่น้องกันได้ อีกทั้งแรงกดดันร่วมกันที่จีน-รัสเซียได้รับจากสหรัฐฯ ตลอดจนพรมแดนและประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่มีร่วมกัน จีนและรัสเซียจึงไม่น่าขัดแย้งกันเอง

—————

แปล-เรียบเรียงพัชรี จันทร์แรม

ภาพ: Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง