“มนัญญา”ลุยร้อยเอ็ดเยี่ยมสหกรณ์ฯเกษตรวิสัย ชงนายกฯ ของบฯพรก.หนุนทำแก้มลิง
มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลุยร้อยเอ็ดเยี่ยมชมสหกรณ์ฯเกษตรวิสัย เตรียมเสนอนายกฯ ของบฯ พ.ร.ก. หนุนสหกรณ์การเกษตรทำแก้มลิง
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อเยี่ยมชมโรงสีข้าวของสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 120 ตันต่อวัน พร้อมเปิดเผยว่า เป็นการตอกย้ำเป้าหมายในการทำงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผ่านระบบสหกรณ์ว่าได้เดินมาถูกทาง
เนื่องจากในยามวิกฤตระบบสหกรณ์จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดความเดือดร้อนให้สมาชิกได้ดี รวดเร็วและตรงกับความต้องการของชาชนในพื้นที่นั้นๆ เช่น สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด แห่งนี้ที่เป็นแก้มลิงสต๊อกข้าว ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถรองรับผลผลิตและช่วยเหลือสมาชิก 9,002 ครอบครัว ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวในเขตทุ่งกุลาร้องไห้กว่า 180,040 ไร่ เฉลี่ย 20 ไร่ต่อครอบครัว และได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 380 กก.โดยสหกรณ์รวบรวมข้าวเปลือกจากสมาชิกเฉลี่ยปีละประมาณ 53,853 ตัน คิดเป็น 34.74 % เมื่อเทียบกับปริมาณข้าวเปลือกของเกษตรกรในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ ที่คาดว่าจะมีประมาณ ทั้งหมด 154,976 ตัน
รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ระบบสหกรณ์เป็นองค์กรที่ช่วยเหลือเกษตรกร โดยได้มีมาตรการช่วยเหลือทางการเงินให้สมาชิกด้วย ทั้งการเป็นแหล่งสินเชื่อหรือการลดภาระหนี้สิน ที่สำคัญคือเป็นครัวของจังหวัด เป็นครัวของพื้นที่ ที่ต้องการให้ทุกจังหวัดได้หันมาร่วมกันพลิกฟื้นอาชีพการเกษตร การปลูกผักไว้บริโภคในพื้นที่ โดยขณะนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์กำลังเดินหน้า โครงการพาลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน เพราะในยามวิกฤติการเกษตรจะนำประเทศพ้นภัยตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานเศรษฐกิจพอเพียงไว้สามารถใช้ได้ทุกระดับทุกอาชีพ
"ดังนั้น ในการเสนอของบประมาณเพิ่มเติมใน พ.ร.ก.เงินกู้ ที่นายกรัฐมนตรีให้ตั้งเข้าไปก็จะของบจำนวนหนึ่งเพื่อมาเพิ่มศักยภาพสหกรณ์การเกษตรในการเป็นแก้มลิงชะลอผลผลิตทางการเกษตรป้องกันผลผลิตข้าวที่จะออกมาพร้อมกันในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวซึ่งจะทำให้ราคาตกต่ำ ซึ่งสหกรณ์มีศักยภาพในการรวบรวมและการแปรรูป จะช่วยเก็บชะลอข้าวและเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของเกษตรกรได้
โดยในเบื้องต้นนายกรัฐมนตรีได้ให้เสนอเรื่องเข้าไป เพราะขณะนี้กระทรวงถูกตัดงบ 10 % เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนจากโควิด - 19 เฉพาะหน้าก่อน
โดยเป้าหมายเบื้องต้นของงบที่จะขอเพิ่มคือ การช่วยเหลือระบบน้ำในไร่นา เป็นระบบโซล่าเซลล์ ชุดละประมาณ 4 หมื่นบาท เพื่อให้เกษตรกรเดินหน้าทำการเกษตรได้ พึ่งตนเองได้ สิ่งสำคัญขณะนี้คือฝากทุกสหกรณ์ช่วยดูแลและช่วยเหลือสมาชิกเพื่อให้ทุกคนสามารถผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปได้" นางสาวมนัญญากล่าว
รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ที่สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด เป็นสหกรณ์ที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมข้าวเปลือกในทุ่งกุลาร้องไห้นั้น นางมนัญญา กล่าวว่าเป็นตัวอย่างสหกรณ์เข้มแข็ง มีระบบการบริหารจัดการที่ดี ดูแลช่วยเหลือและคอยให้คำแนะนำด้านอาชีพแก่สมาชิกทำให้สมาชิกมีความเชื่อมั่น ส่งผลให้สามารถสร้างแบรนด์ยี่ห้อข้าวที่มีคุณภาพของสหกรณ์เอง จนได้รับยอมรับของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ในด้านมาตรฐานการผลิตข้าวหอมมะลิของไทย ซึ่งขอให้ทุก ๆ สหกรณ์ได้ช่วยกันพัฒนาคุณภาพสินค้า เพื่อพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนและเกิดความมั่นคง เชื่อมั่นว่าระบบสหกรณ์นั้นเป็นที่พึ่งให้เกษตรกรได้และดีที่สุด เพราะเกิดจากประชาชนที่เข้ามาร่วมมือและช่วยเหลือกัน
นางบุญเกิด ภานนท์ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์แห่งนี้ก่อตั้งมา 23 ปี ปัจจุบัน มีสมาชิก 9,002 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 13 ตำบล สำหรับผลผลิตในปีการผลิต 2562/63 สหกรณ์ฯ ได้รวบรวมข้าวหอมมะลิจากเกษตรกรสมาชิกจำนวน 48,371,291 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 589,821,009 บาท และคาดว่าอีกสองเดือนข้างหน้าราคาข้าวหอมมะลิจะเพิ่มขึ้นเป็น 18,000 บาทต่อตัน เพราะฝนที่ผ่านมาน้ำน้อยและในหน้าแล้งก็ไม่มีข้าว โครงการให้สหกรณ์ชะลอข้าวเปลือกเป็นเรื่องสำคัญหากทำได้ต่อเนื่อง 5 ปี จะส่งผลดีต่อระบบสหกรณ์