รีเซต

รมช.เกษตรฯ ลุยช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคกระบือ ประสบปัญหาโรคลัมปีสกิน

รมช.เกษตรฯ ลุยช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคกระบือ ประสบปัญหาโรคลัมปีสกิน
มติชน
30 พฤษภาคม 2564 ( 23:30 )
47
รมช.เกษตรฯ ลุยช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคกระบือ ประสบปัญหาโรคลัมปีสกิน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยที่ปรึกษาฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่รณรงค์ป้องกันโรคลัมปี สกิน พร้อมมอบสิ่งของเวชภัณฑ์ ยาฆ่าแมลง ฉีดพ่นยาช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือที่ประสบปัญหาโรคลัมปี สกิน ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เตรียมนำเสนอนายกรัฐมนตรีเยียวยา และนำวัคซีนกระจายช่วยเหลือเกษตรกร

 

 

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางวันเพ็ญ เศรษฐรักษา ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหนะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ลงพื้นที่รับทราบปัญหาโรคระบาดในสัตว์ โดยเข้าเยี่ยมประชาชนและเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ ที่กำลังประสบปัญหาโรคโรคลัมปี สกิน ที่บ้านโนนสูง หมู่ที่ 8 ต.โนนสูง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมมอบสิ่งของเวชภัณฑ์ ยาฆ่าแมลง และรณรงค์ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงป้องกันโรคลัมปี สกิน

 

 

จากนั้นเวลา 11.00 น.นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปเยี่ยม และให้กำลังใจกลุ่มเกษตรผู้เลี้ยงโคบ้านสามหนองและบ้านหนองเม็ก ต.โคกสะอาด อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมกับมอบสิ่งของเวชภัณฑ์ ยาฆ่าแมลง และฉีดพ่นยา โดยมีนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการคมนาคม นายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายอำเภอ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชน และประชาชนให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์

นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ นิยมเลี้ยงโคเนื้อเพื่อเป็นสัตว์เศรษฐกิจ มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ 88,771 ราย เป็นโคเนื้อ 108,411 ตัว คิดเป็นมูลค่าทาง เศรษฐกิจ 2,700 ล้านบาท ทั้งนี้การแพร่ระบาดของโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่ โดยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ – วันที่ 29 พฤษภาคม 2564 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ มีสัตว์ป่วยสะสม 9,994 ตัว แบ่งเป็นโค เนื้อ 9,978 ตัว โคนม 6 ตัว กระบือ 10 ตัว สัตว์ตาย 338 ตัว เกษตรกรได้รับผลกระทบ 5,586 ราย ซึ่งทางจังหวัดได้ประกาศ เรื่องกำหนดเขตโรคระบาด ชนิดโรคลัมปี สกิน ในสัตว์ชนิดโค กระบือ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 โดยกำหนดให้ทุก พื้นที่หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เป็นเขตโรคระบาด ห้ามมิให้เคลื่อนย้ายสัตว์ชนิดโค กระบือ หรือซากสัตว์ ดังกล่าว พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เร่งให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว

 

 

ด้านนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สำหรับโรคลัมปี สกินในโค กระบือ ถือเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ได้เตรียมการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมป้องกันมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2563 โดยได้ปิดด่านชายแดนทั้งหมด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดจากประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนออกมาตรการเข้มงวด หากมีการเคลื่อนย้ายจะต้องตรวจเลือดโค กระบือทุกตัว และกักโค กระบือ 28 วัน ทั้งนี้จากข้อมูลของกรมปศุสัตว์ขณะนี้โรคลัมปี สกินได้แพร่ระบาดแล้วใน 35 จังหวัด มีโค กระบือ ป่วยแล้วจำนวนมาก ซึ่งทางกระทรวงฯได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาควบคุมโรคอย่างเร่งด่วน

 


นางสาวมนัญญา กล่าวอีกว่า ในวันนี้เดินทางมาให้กำลังใจแก่พี่น้องเกษตรกร เพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อน และเร่งที่จะดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาแก่เกษตรกร ผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเกษตรกรที่สัตว์เลี้ยงตาย ซึ่งจะได้นำข้อมูลไปนำเสนอแก่นายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางเยียวยา ขณะเดียวกัน ก็ได้นำเวชภัณฑ์และพ่นยาฆ่าเชื้อในคอกสัตว์ให้แก่เกษตรกร เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการระบาดลุกลาม นอกจากนี้ยังได้เตรียมวัคซีน ซึ่งขณะนี้นำเข้ามาแล้ว 60,000 โดส โดยอยู่ระหว่างนำเสนอ อย. และเตรียมนำเข้ามาอีก 300,000 โดส เพื่อกระจายให้กับพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคต่อไป

 

 

 

 

ขณะที่นางวันเพ็ญ เศรษฐรักษา ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เบื้องต้นมีโค กระบือ ของเกษตรกรเสียชีวิตแล้ว 338 ตัว ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมาก ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ ทำให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ มีความดีใจอย่างมากที่ได้รับการช่วยเหลือ ทั้งในเรื่องความรู้การป้องกันโรค และได้รับมอบสิ่งของเวชภัณฑ์ต่างๆที่จะนำไปใช้ในการป้องกันสัตว์เลี้ยงของตนเองต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง