ส่องหุ้นโรงไฟฟ้า หลังกกพ.ปรับขึ้นค่าเอฟที หุ้นไหนเด่น
#ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ระบุว่าการที่ กกพ.มีมติให้ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร หรือค่าเอฟที โดยเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.2565 เพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ จากปัจจุบัน 1.39 สตางค์มาอยู่ที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.00 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 5.82% จากงวดปัจจุบัน ซึ่งถือเป็น Sentiment เชิงบวกโดยรวมต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่มีสัดส่วนการขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม อย่าง BGRIM แนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมายที่ 45 บาทต่อหุ้น และหุ้น GPSC แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 86.58 บาทต่อหุ้น
โดย BGRIM มีสัดส่วนส่วนขายไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมราว 23% ของรายได้ขายไฟฟ้าโดยรวม ขณะที่ GPSC มีสัดส่วนส่วนขายไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมราว 35% ซึ่งคาดจะเป็นส่วนช่วยชดเชยให้อัตรากำไรขั้นต้นหรือ GPM ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/65
อย่างไรก็ตามในแง่ของประมาณการ การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าดังกล่าวยังถือว่าเป็นส่วนช่วยหนุนกำไรได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากการปรับขึ้นค่าเอฟที เป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของราคาต้นทุนเชื้อเพลิงพลังงาน และเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่าราคาต้นทุนที่สูงขึ้น
โดยในส่วนของ BGRIM ค่าเอฟทีที่ปรับขึ้นทุกๆ 1 สตางค์ จะส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นราว 21 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ราคาก๊าซที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1 บาทต่อล้านบีทียูจะส่งผลให้บริษัทมีกำไรลดลงราว 17 ล้านบาทต่อปี
และในส่วนของ GPSC ค่าเอฟที ที่ปรับขึ้นทุกๆ 1 สตางค์ จะส่งผลให้บริษัทฯมีกำไรเพิ่มขึ้นราว 60 ล้านบาทต่อปี ส่วนราคาก๊าซฯที่ปรับขึ้นทุกๆ 1 บาทต่อล้านบีทียู จะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรลดลงราว 30 ล้านบาท/ปี
อย่างไรก็ตาม ช่วงในที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับฐานลงมาแล้วระดับหนึ่ง จนเห็น upside ที่สูง อีกทั้งประเด็นดังกล่าวถือเป็นส่วนช่วยให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จึงแนะนำให้หาจังหวะทยอยสะสมลงทุนระยะยาว