อินเดียไม่สนโควิด ช้อปแน่นห้าง ซื้อฉลองปีใหม่ถึงงานมงคล พณ.ชี้บูมถึงมี.ค.
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครมุมไบ รายงานถึงทิศทางธุรกิจค้าปลีกในตลาดอินเดียในช่วงเทศกาลและพิธีการต่างๆ โดยได้แจ้งถึงโอกาสในการเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าในกลุ่มของหวาน ของใช้ในชีวิตประจำวัน ของตกแต่งบ้าน และเครื่องประดับ เพื่อป้อนตลาดผู้บริโภคชาวอินเดีย ที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเทศกาลและพิธีการต่างๆ เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม จัดถึงเดือนธันวาคม รวมถึงทุกต้นปีมักมีพิธีการแต่งงานจนถึงสิ้นฤดูหนาวเดือนมีนาคม
ทั้งนี้ กลุ่มผู้บริโภคชาวอินเดีย นิยมซื้อหาของขวัญให้แก่กัน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 โดยของที่มอบในโอกาสพิเศษอาจเป็นของนำเข้า อาทิ ขนม ผลไม้ และช็อกโกแลตนำเข้า โดยสินค้าไทยนอกจากผลไม้อบแห้งแล้ว ยังมีสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ คือ ขนมประเภทบิสกิต คุ้กกี้ ซึ่งคนอินเดียนิยมทานขนมที่มีความกรอบร่วมกับชานม (Chai) โดยผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทย ควรศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคและปรับสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาด ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสส่งออกได้
น.ส.สุพัตรา แสวงศรี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครมุมไบ กล่าวว่า ยอดขายในเดือนเทศกาลระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคมของทุกปี เป็นช่วงที่มีการซื้อหาของขวัญและจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในอินเดีย ยอดขายช่วงนี้จะมีสัดส่วนสูงประมาณ 35% ของยอดขายตลอดทั้งปีของธุรกิจค้าปลีก ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ประมาณ 10% ของจีดีพี และ 8% ของการจ้างงานทั้งหมดในอินเดีย ดังนั้น ช่วงเวลาแห่งเทศกาลนี้จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจอินเดีย
จากข้อมูลพบว่าเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผู้บริโภคเริ่มมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้รัฐเก็บภาษีสินค้าและบริการ (GST)เพิ่มขึ้น 4% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า และในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนที่มีเทศกาลนวราตรี (วันที่ 17-25 ตุลาคม ) และวันดุชเซห์รา (วันที่ 25 ตุลาคม) หรือเรียกว่า Navratri-Dussehra Period พบว่า มีสัญญาณบวกในการบริโภคที่เพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ดัชนีผู้จัดการจัดซื้อปรับตัวดีขึ้นด้วย
สำหรับยอดขายรถยนต์ในช่วง Navratri-Dussehra พบว่า เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรถยนต์หรู (Mercedes) ขายได้ประมาณ 550 คัน รถยนต์ Hyundai มียอดขายเพิ่มขึ้น 28% โดยเฉพาะรถ SUV
นอกจากนี้ ผลการศึกษาของ RedSeer Consulting คาดการณ์ในช่วง 1 เดือนก่อนเทศกาล Diwali หรือวันขึ้นปีใหม่ของอินเดีย ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน พบว่า ยอดค้าปลีกในอินเดียมีมูลค่าประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 84% จากปีก่อนหน้า ที่มีมูลค่า 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ยอดขายรวมทั้งปี 2563 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนประมาณ 41% โดยการช้อปปิ้งทำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เช่น Amazon , Flipkart , Reliance JioMart , Myntra , Pepperfry (เฟอร์นิเจอร์) , Nykaa (เครื่องสำอาง บำรุงผิวและบำรุงผม) และ FirstCry (สินค้าสำหรับเด็ก)
ส่วนสินค้าที่คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นแน่นอนในเดือนพฤศจิกายน คือ สินค้าประเภทของหวาน โดยเฉพาะบิสกิต และคุ้กกี้ แบบไม่ใส่ไข่ ขนมแบบตุรกีผลไม้อบแห้งแบบต่างๆ และช็อคโกแลต รวมทั้งของขวัญแบบดั้งเดิมของอินเดีย ขณะที่เครื่องประดับ คาดว่าจะกลับมาขยายตัวก่อนเทศกาล Akshay Trithiya ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
“ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าไปศึกษาสินค้าที่มีอยู่ในตลาดได้จากแพลตฟอร์มอออนไลน์ต่างๆ โดยนอกจากของหวานแล้ว ของขวัญที่นิยมให้กันอาจเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ของตกแต่งบ้าน และเครื่องประดับขณะที่บริษัทและหน่วยงานต่างๆมักเตรียมของขวัญให้กับลูกค้าเช่นกัน ซึ่งสินค้าที่ไทยได้เปรียบแง่ฝีมือและการออกแบบ คือ ผลิตภัณฑ์เซรามิค ของใช้บนโต๊ะอาหาร รูปตกแต่งบ้าน ตุ๊กตาผ้า รวมทั้งกระเป๋าถือและกระเป๋าใส่เงิน เป็นต้น หากศึกษาตลาดให้ดีจะมีโอกาสส่งออกเพิ่มขึ้น ” น.ส.สุพัตรา กล่าว
ในปี 2562 อินเดียนำเข้าบิสกิต จากอินโดนีเซียและมาเลเซียเป็นอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ รวมทั้งจากสิงคโปร์และเวียดนาม ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 15 ด้วยมูลค่าการนำเข้า 1 แสนเหรียญสหรัฐ และอินเดียเป็นผู้ผลิตบิสกิตอันดับที่ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และจีน แม้ว่าอินเดียจะผลิตได้มาก แต่ก็มีความต้องการบริโภคมากด้วยเช่นกัน โดยผลการศึกษาของแนวโน้มการบริโภคบิสกิตของ Bonafide Market Research Reports พบว่าตลาดบิสกิตในช่วงปี 2561 –2566 จะขยายตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 6% ต่อปี โดยผู้บริโภคคาดหวังสินค้าที่มีความแปลกใหม่และหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย