ชาวเขาตัดใจตัดทิ้งผักกาดขาว 2 แสนกก. กว่า 100 ไร่ เหตุราคาดิ่งกก.ละ 1 บ.
ข่าววันนี้ 27 ม.ค. นายประสิทธิ์ เลาหลื่อ อดีตผู้ใหญ่บ้านไมโครเวฟตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ตนพร้อมเกษตรกรจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าม้งจากหมู่บ้านม้งไมโครเวฟได้รวบรวมสมัครพรรคพวกอีกหลายราย ลงมาเช่าพื้นที่เพาะปลูกผักกาดขาวอยู่ในพื้นที่ริมแม่น้ำปาย บ้านห้วยเดื่อ ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เนื่องจากแปลงเพาะปลูกบนดอยไม่มีน้ำเพื่อการเพาะปลูก ต้องลงมาเช่าที่ของชาวบ้านที่พื้นราบลุ่มขนาดใหญ่ในเนื้อที่กว่า 100 ไร่ เพื่อปลูกผักกาดขาวส่งตลาดทั้งในแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่
แต่ต้องประสบกับปัญหาด้านการตลาดที่ราคาตกต่ำจนขาดทุนอย่างหนัก จึงต้องตัดทำลายแปลงปลูกผักกาดขาวทิ้ง เนื่องจากประสบกับปัญหาไม่สามารถตัดผักกาดขาวไปจำหน่ายได้ เพราะไม่มีตลาดรับซื้อ ราคาก็เหลือเพียงกิโลกรัมละ 1 บาท ยิ่งมาเจอช่วงที่น้ำมันแพง กลายเป็นปัญหาขึ้นไปอีก จากเดิมที่เคยตัดส่งป้อนเข้าตลาดทั้งที่อำเภอแม่สะเรียงและที่จังหวัดเชียงใหม่ มาถึงวันนี้ทุกอย่างหยุดชะงักไปหมด
บางวันยอมเสี่ยงตัดและบรรทุกรถออกไปรอจำหน่ายก็ไม่มีพ่อค้ามารับซื้อ ต้องจอดรอความหวังจนผักเน่าคารถก็เจอมาแล้ว และยิ่งมาเจอช่วงตรุษจีนที่หวังว่าจะขายผักได้ราคาดี ก็ต้องมาเจอกับผักที่ทะลักมากับขบวนรถไฟจากจีนเทียบท่าที่ลาว แล้วกระจายมายังอีกหลายตลาดในประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่ตลาดที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเจอทางตันแบบนี้ก็ต้องยอมตัดทิ้งเพื่อให้คนได้รู้ว่าเกษตรกรเริ่มจะไม่มีทางไปแล้ว ซึ่งผลผลิตของตนเองที่ต้องทำลายทิ้งไปมีมากกว่า 200,000 กิโลกรัม ไม่นับรวมกับรายอื่นๆ อีก
สำหรับราคาที่พอจะให้เกษตรกรอยู่ได้นั้นต้องไม่น้อยกว่า 5-6 บาทต่อกิโลกรัม เพราะหลังการปรับขึ้นราคาสินค้าก็พบว่าปุ๋ยที่เคยซื้อกระสอบละ 700-800 บาท ได้ขยับตัวขึ้นไปอยู่ที่กระสอบละ 1,200-1,300 บาท หากรวมกับค่าเมล็ดพันธ์ุและค่าแรงแล้ว ถือว่าตอนนี้อยู่ไม่ได้ อยากจะวอนให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ที่เราเช่าที่ของชาวบ้านห้วยเดื่อริมฝั่งแม่น้ำปาย พื้นที่กว่าร้อยไร่ ตกไร่ละ 1,000 บาท รวมทั้งหมดกว่าแสนบาทที่ต้องจ่ายค่าเช่า ตอนนี้ได้ตัดผักกาดทิ้งไปแล้วส่วนหนึ่งในพื้นที่เช่าประมาณ 2 หมื่นบาท แต่ที่เหลือก็จำเป็นต้องตัดทิ้งทั้งหมด เพราะเราไม่สามารถที่จะเอาไปขายได้ต้นทุนค่าขนส่งก็ยังไม่ได้เลย จะเอาไปแจกให้ชาวบ้านก็ต้องจ้างคนงานไปตัดเสียค่าใช้จ่ายอีก แต่ถ้าใครอยากได้เอาไปกินแบ่งกันก็ไปตัดได้
ส่วนหน่วยงานราชการยังไม่มีการช่วยเหลือเลย ทางเกษตรจังหวัดโทรไปขอข้อมูลอย่างเดียวแต่การช่วยเหลือยังไม่มี คงต้องยอมรับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว