ข่าวลือ Samsung watch อาจจะใช้ Wear OS!
หากจำได้เมื่อก่อนนั้นตอนที่ “Wear OS” เปิดตัวภายใต้ชื่อ “Android Wear” Samsung เป็นหนึ่งในพันธมิตรรายแรก ๆ ที่ให้ความสนใจ แต่หลังจากนั้นก็ถูกลืมไปเนื่องจากบริษัทหันไปสนใจการพัฒนาอุปกรณ์ตระกูล Gear และ Galaxy Watch แต่ตอนนี้มีข่าวลือว่า Samsung อาจจะเปลี่ยนระบบจาก Tizen มาใช้ Wear OS อีกครั้งหนึ่ง!
Wear OS เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้งานบนอุปกรณ์พกพาที่สวมใส่ได้ (Wearable Devices) ถูกพัฒนาขึ้นโดย Google ประมาณช่วงปี ค.ศ. 2014 โดยก่อนหน้านั้นมีชื่อเรียกว่า “Android Wear (แอนดรอยด์แวร์) ซึ่งจากบทความในสื่อ 9TO5Google ได้วิเคราะห์ว่า หาก Samsung หันกลับมาใช้ Wear OS อีกครั้งน่าจะเป็นเรื่องที่ดี โดยเหตุผลแรกก็คือ Wear OS นั้นมีระบบ ecosystem ที่ดีกว่า เพราะสร้างขึ้นจาก Android โดยตรง นั่นหมายความว่ามันง่ายต่อการที่นักพัฒนาจะสามารถเพิ่มลูกเล่นและไอเดียต่าง ๆ ที่ใช้ในการสร้างแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ไปยังสมาร์ตวอชของเราโดยตรง
นอกจากนี้ยังมีรายงานล่าสุดที่อ้างว่า “ความง่าย” ในการพัฒนาแอปก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ Samsung เปลี่ยนมาใช้ Wear OS ตัวอย่างเช่นแอปพลิเคชัน KakaoTalk ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันส่งข้อความยอดนิยมในเกาหลีนั้นกลับไม่มีให้บริการใน Tizen (ผู้ให้บริการปัจจุบันที่ Samsung ใช้งานอยู่) เนื่องจากตลาดมีขนาด "ไม่ใหญ่พอ" และ "ค่อนข้างยากต่อการพัฒนา" นอกจากนี้ในด้านความสวยงาม Wear OS ยังมีไลบรารีหน้าปัดขนาดใหญ่กว่าที่พร้อมให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลด ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ Tizen รู้สึกว่าอยู่รั้งท้ายมาตลอด แถมใน Play Store เองก็ยังมีการจัดจำหน่ายในแบบที่สวยงามกว่าที่ Samsung มีให้ในปัจจุบันอีกด้วย
ประการต่อไปคือข่าวเกี่ยวกับความปลอดภัยของ Tizen เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พบว่ามีการรายงานถึงความบกพร่องและปัญหาด้านความปลอดภัยของ Tizen เป็นจำนวนมาก ซึ่งระบบสมาร์ตวอชของ Samsung ทั้งหมดรองรับแอปพลิเคชัน Samsung Pay ซึ่งแน่นอนว่าเชื่อมต่อกับธนาคารและข้อมูลสำคัญของเราโดยตรง ซึ่งความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถอุดรอยรั่วได้ทัน
อีกหัวข้อที่ทำให้ผู้ใช้งานหงุดหงิดก็คงหนีไม่พ้นระบบการจับคู่ของ Samsung ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้ได้ดีกับสมาร์ตโฟน Samsung Galaxy แต่ถ้าเราใช้ Pixel หรือยี่ห้ออื่น ๆ นั้นกลับกันอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว เพราะกว่าเราจะจับคู่ได้ก็จะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable จาก Play Store ก่อน จากนั้นก็จะต้องติดตั้งปลั๊กอินทั้งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เราใช้และแอปพลิเคชันสำหรับ Samsung Pay ด้วย ซึ่งค่อนข้างยุ่งยากมากทีเดียว
แต่ถ้าใช้ Wear OS ก็จะง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะ สิ่งที่เราต้องทำก็แค่ติดตั้งแอปพลิเคชันเพียงแอปเดียวคือ Wear OS ง่าย เสร็จ จบ ไม่ต้องเชื่อมต่อให้ยุ่งยากเหมือนแบบที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ Wear OS ของ Google นั้นยังให้พันธมิตรสามารถทำการปรับแต่งกับ Wear OS เช่นเดียวกับที่ทำกับ Android ได้อีกด้วย ตัวก็อย่างก็เช่น Xiaomi และ Oppo ที่ทั้งคู่ออกแบบ Wear OS ใหม่ เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของพวกเขานั่นเอง
กล่าวมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม Samsung ถึงไม่ใช้ Wear OS มาตั้งนานแล้วล่ะ? คำตอบที่บทความระบุไว้นั่นก็คือ “ Wear OS เคยเป็นแพลตฟอร์มที่ตายแล้ว” เพราะก่อนหน้านี้ Wear OS เคยมีการพัฒนามาหลายปีแต่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย แต่ล่าสุดก็ดูเหมือนว่าจะมีสัญญาณที่ดีเกิดขึ้น อย่างเช่นเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมาที่ Google ได้ดำเนินการนำ Gboard ไปใช้กับ Wear OS และสัปดาห์หน้าในงาน Google I / O 2021 บริษัทก็มีกำหนดที่จะแถลงการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับ “Wear” และได้กล่าวว่าจะเปิดตัว “Tiles” ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่สำหรับแพลตฟอร์ม สำหรับแอปพลิเคชันแบบ third-party (บุคคลที่สาม) อีกด้วย
โดยสรุปแล้วหากจะให้ตัดสินตอนนี้เลยว่าอนาคตของ Wear OS นั้นจะสดใสหรือไม่ก็คงเป็นเรื่องยาก แต่ที่แน่นอนว่ามีหวังมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็ต้องรอดูว่า Samsung จะตัดสินใจอย่างไรต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก