รีเซต

ดีเดย์! เปิดลงทะเบียน"รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย" 25 สิงหาคม 2568 นี้ ผ่านแอป "ทางรัฐ" เริ่มใช้ 1 ตุลาคม 2568

ดีเดย์! เปิดลงทะเบียน"รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย" 25 สิงหาคม 2568 นี้ ผ่านแอป "ทางรัฐ" เริ่มใช้ 1 ตุลาคม 2568
TNN ช่อง16
23 กรกฎาคม 2568 ( 11:03 )
4

เปิดลงทะเบียน"รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย" 25 สิงหาคม 2568 นี้ 


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป จะเปิดให้พี่น้องประชาชนได้ลงทะเบียนใช้สิทธิมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท (รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย) ผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android ภายใต้เงื่อนไขว่า จะต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย โดยจะต้องระบุเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก บัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรโดยสาร (Rabbit Card ที่ลงทะเบียน) ที่จะใช้งานกับระบบรถไฟฟ้า ซึ่งบัตรที่ได้รับการยืนยันการลงทะเบียนจะได้สิทธิการใช้มาตรการโดยอัตโนมัติ หากไม่ลงทะเบียน จะต้องจ่ายค่าโดยสารในอัตราปกติ พร้อมให้ความมั่นใจว่า การลงทะเบียนดังกล่าว ระบบจะไม่ล่ม เนื่องจากจะใช้รูปแบบคล้ายกับการเปิดให้ลงทะเบียนนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่มีผู้ลงกว่า 18 ล้านคน แต่ระบบสามารถรองรับได้


นายสุริยะระบุว่า การลงทะเบียนใช้สิทธิมาตรการค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น ประชาชนทุกคนได้สิทธิ์อย่างเท่าเทียม และการลงทะเบียนไม่มีวันหมดอายุ โดยจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป และจะเริ่มใช้มาตรการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 8 สาย รวม 13 เส้นทาง ทั้งสิ้น 194 สถานี ระยะทางรวม 276.84 กิโลเมตร ซึ่งมั่นใจว่า เมื่อเปิดใช้มาตรการดังกล่าวแล้ว จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20%


ทั้งนี้การใช้บริการมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น ในระยะแรกจะใช้รูปแบบบัตร Rabbit Card สามารถใช้บริการได้ 4 สาย คือ สายสีเขียว, สีทอง, เหลือง, ชมพู ขณะที่บัตร EMV Contactless (Visa/Mastercard) ตามเงื่อนไขธนาคารที่เข้าร่วมให้บริการที่กำหนด สามารถใช้บริการได้กับ 6 สาย คือ สายสีแดง, น้ำเงิน, ม่วง, ชมพู, เหลือง, แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ (ARL)


ในเบื้องต้น หากประชาชนผู้ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าข้ามสาย จะต้องถือบัตร 2 ใบ แต่ชำระค่าโดยสารเพียง 20 บาทตลอดสายเท่านั้น ส่วนในระยะต่อไป จะนำเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมเข้ามาใช้ในการพัฒนาระบบ อาทิ การสแกนจ่ายด้วย QR CODE สแกนจ่ายค่าโดยสาร เพื่อเพิ่มความสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น


สำหรับมาตรการค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ถือเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทย และกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียม ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังช่วยลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน ลดการเกิดอุบัติเหตุ และมลพิษทางอากาศอย่างมีนัยสำคัญด้ว

 




คมนาคม จับมือ กทม.ร่วมจัดจราจร-ฟีดเดอร์ เชื่อมการเดินทางไร้รอยต่อ


ด้านนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมการพัฒนาระบบเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างกระทรวงคมนาคม และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ได้หารือกับ กทม.เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการบริหารจัดการด้านการจราจร และจัดระบบขนส่งมวลชนที่เป็นฟีดเดอร์ (Feeder) เพื่อรองรับมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายให้เกิดการเชื่อมต่อการเดินทาง เนื่องจากประเมินว่า รูปแบบการเดินทางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะเปลี่ยนไปเน้นระบบรางมากขึ้น ดังนั้น รถประจำทางขสมก. ซึ่งจะปรับใช้เป็นรถ EV นั้น การจัดเส้นทางต้องเหมาะสม และสอดคล้องกับรูปแบบการเดินทางในปัจจุบัน โดยการประชุมครั้งนี้ เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงคมนาคม และ กทม. เพื่อเป็นการนำร่องไว้เป็น Model โดยจะนำผลสำเร็จที่ได้จากการดำเนินการครั้งนี้ ไปประยุกต์ใช้กับเมืองใหญ่อื่น ๆ ต่อไป


แนวทางการร่วมมือ ประกอบด้วย


1. ความร่วมมือระหว่างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และ กทม. พัฒนาเส้นทางรถเมล์ใหม่ ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนาระบบการคมนาคม เพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง (ปี 2568 – 2569)


โดยจะศึกษาการปรับเส้นทางรถโดยสารประจำทางใหม่ในเขตกรุงเทพฯ รวมถึงการกำหนดอัตราค่าโดยสาร แนวคิดการใช้ระบบตั๋วร่วม และแนวทางการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อเพิ่มปริมาณผู้โดยสาร รวมทั้งรับทราบปัญหาและอุปสรรคสถานการณ์รถโดยสารสาธารณะที่ให้บริการในปัจจุบัน


นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูล สถิติ ปัญหา รูปแบบการเดินทาง และสภาพปัจจุบัน ก่อนนำไปวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรค และเส้นทางที่มีปัญหา โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2568 ส่วนการวิเคราะห์เส้นทางรถโดยสารประจำทางใหม่ทั้งระบบในกรุงเทพฯ นั้น จะนำแนวเส้นทางของกรมการขนส่งทางบก และ กทม. มาพิจารณาร่วมกัน คาดว่าจะได้ข้อเสนอแนวเส้นทางใหม่ภายในปลายเดือนมกราคม 2569


ทั้งนี้ สนข.มีการศึกษารถเมล์เส้นทางใหม่ รวม 111 เส้นทาง ในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และไม่ทับซ้อนกับเส้นทางในแผนปฎิรูปรถเมล์ 269 เส้นทาง เพื่อรองรับและเชื่อมต่อชุมชน หมู่บ้านที่เกิดใหม่ โดยมีเส้นทางในกรุงเทพฯ ที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าได้ประมาณ 30 เส้นทาง ซึ่งจะมีการประเมินความเหมาะสม และความต้องการพิจารณาให้เป็นฟีดเดอร์กับรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ ด้วย


2. การกำหนดจุดที่ตั้งป้ายรถโดยสารประจำทางให้สอดคล้องกับสถานีรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ กทม. อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งปัจจุบันในกรุงเทพฯ มีป้ายจอด 5,192 ป้าย โดยจะมีการบูรณาการร่วมกันในการบริหารจัดการ ผ่านคณะอนุกรรมการพิจารณากำหนดที่หยุดรถโดยสารในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้แทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ


3. การบริหารจัดการวินรถจักรยานยนต์ โดยกรมการขนส่งทางบกจะร่วมกับ กทม. ในการกำกับดูแลวินรถจักรยานยนต์ ทั้งด้านปริมาณ และคุณภาพ รวมทั้งในเรื่องใบขับขี่สาธารณะ และจะมีการหารือแนวทางในการนำแอปพลิเคชันมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งผู้ให้บริการและประชาชนผู้ใช้บริการ โดยให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


4. การบูรณาการกล้องวงจรปิดของสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. เพื่อจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการจราจร และการปราบปรามรถสาธารณะที่กระทำผิด ภายใต้โครงการศึกษาการแก้ไขปัญหาจราจรทั้งระบบ บนถนนสายหลักในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (M-Road)


5. การบริหารสัญญาเช่าพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร จะได้มีการหารือร่วมกันระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับ กทม. ในการบริหารจัดการ รวมทั้งแนวทางการส่งคืนตลาดนัดจตุจักรให้ รฟท. ต่อไป 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า รูปแบบการเดินทางในกทม. มีรถไฟฟ้าเป็นเส้นเลือดหลัก และมีรถเมล์ และรถจักรยานยนต์รับจ้าง เป็นเส้นเลือดฝอย โดยที่ผ่านมา กทม. มีบริการ BMA Feeder เดินรถ Shuttle Bus เพื่อผู้โดยสารเข้าสู่รถไฟฟ้า โดยเป็นการให้บริการฟรีเพื่อทดสอบความต้องการของตลาด หากมีปริมาณผู้โดยสารก็เปิดให้เอกชนเข้ามาทำการเดินรถต่อไป โดยจะเน้นเส้นทางที่มีความจำเป็น


ส่วนรถจักรยานยนต์รับจ้าง ปัจจุบันมีประมาณ 5,000 วิน มีคนขับวินประมาณ 80,000 คน ซึ่ง กทม.มีคณะกรรมการแต่ละเขตกำกับดูแล มีฐานข้อมูลดิจิทับเก็บไว้ โดยจะร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม ในการกำกับดูแลทั้งเรื่องปริมาณและคุณภาพ เบื้องต้นมี 3,000 วิน ที่ตั้งอยู่บนฟุตบาธทางเท้า ซึ่งจะมีการบริหารจัดการเพื่อให้มีความเหมาะสมทางกายภาพของพื้นที่ และถนน โดยต้องพิจารณาปัจจัยเรื่องการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า


ส่วนป้ายรถเมล์ มีทั้งเป็นของ กทม.และของหน่วยงานอื่น ซึ่งจะมีการหารือเพื่อดูตำแหน่งตั้งป้ายรถเมล์ที่เหมาะสม เพื่อเสริมให้การใช้บริการรถไฟฟ้าได้สะดวกไร้รอยต่อ และมีเทคโนโลยีบอกระยะเวลา สายรถเมล์ที่จะมาถึงป้าย โดยใช้ระบบ GPS เชื่อม นอกจากนี้ จะร่วมกับ ขบ. ในการกำกับดูแลรถแท็กซี่ การจอดรับในจุดต่าง ๆ กรณีไม่กดมิเตอร์ เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างเป็นธรรม


นายชัชชาติ กล่าวว่า ตลาดนัดจตุจักรไม่ใช่ธุรกิจหลัก หรือกิจการที่ กทม.ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีการโอนให้กทม.ดูแล และบริหารสัญญาเช่าพื้นที่ช่วง คสช. ซึ่งจากนี้จะมีการหารือเพื่อโอนคืนให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่อไป เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด เพราะตลาดนัดจตุจักรเป็นอีกจุดที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง