"ดีเอสไอ"ค้นลิสซิ่งใหญ่ถูกร้องปล่อยกู้โขกดอกแพง จ่อนำเข้าเป็นคดีพิเศษ พร้อมเปิดให้ผู้เสียหายร้องเรียน
เมื่อวันที่ 1 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พนักงานสอบสวนกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ของดีเอสไอ นำโดยพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารฯ นำชุดเฉพาะกิจเข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 3 แห่ง ตามหมายจค้นศาลอาญา เลขที่ 212/2563, เลขที่ 213/2563 และเลขที่ 214/2563 ได้แก่บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถ.จรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด กทม. , ศูนย์ประมูลรถเมืองไทยแคปปิตอล อ.เมือง จ.ชลบุรี และ ศูนย์ประมูลรถเมืองไทยแคปปิตอล ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อหาเอกสารหลักฐานดำเนินคดีอาญากับบริษัทผู้ให้บริการจำนำทะเบียนรถรายใหญ่ของเมืองไทย ในความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ. ศ. 2560
สืบเนื่องจาก ดีเอสไอได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายจำนวนมากที่ทำสัญญาเงินกู้กับบริษัทดังกล่าวว่า มีการทำสัญญาเงินกู้โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และใช้หลักทรัพย์เป็นทะเบียนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยมีการทำสัญญาในลักษณะดังกล่าวผ่านเครือข่ายสาขามากกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหรือไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยได้ตามสัญญาที่กำหนด จะถูกปรับประกัน ที่ระบุไว้ในสัญญามาทำการขายทอดตลาด ดีเอสไอ จึงตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจค้น ได้ตรวจยึดเอกสารหลักฐานต่างๆ อาทิ เอกสารสัญญาการให้กู้ยืมระหว่างบริษัทกับลูกหนี้ สัญญาการประมูลรถยนต์ จักรยานยนต์ และสัญญาประกอบอื่นๆ เพื่อพิจารณาว่าเข้าข่ายที่จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ และหากลูกหนี้หรือผู้เสียหายรายใดประสงค์จะส่งข้อมูลหรือแจ้งเบาะแสเพิ่มเติม สามารถจะแจ้งหรือร้องทุกข์กล่าวโทษได้โดยตรงที่ กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ดีเอสไอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ กลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้นำตัวแทนผู้เสียหายที่ได้รับความเดือนร้อนจากการปล่อยกู้จำนำทะเบียนของบริษัท เมืองไทยแคปปิตอลฯ เข้าพบพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ เพื่อติดตามความคืบหน้า กรณีผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปล่อยกู้จำนำทะเบียนรถหรือรถจักรยานยนต์ ที่เรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเกินอัตราที่กฏหมายกำหนดด้วย หลังจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรับเรื่องไว้แล้วได้แจ้งว่าจะส่งให้ผู้รับผิดชอบต่อไป และจะรายงานความคืบหน้าแก่ผู้เสียหายและกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้เป็นระยะๆ ต่อไป