SHR คาดงบ Q4/67 สดใสต่อเนื่องถึงปี 68 เผย 9 เดือนแรกกำไรโตกว่า 30%
#SHR #ทันหุ้น-SHR ผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทระดับนานาชาติในเครือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S คาดผลดำเนินงานไตรมาส 4/67 มีสัญญาณเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มสดใสในปี 2568 มีปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ไฮซีซั่นของโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ ขณะที่ 9 เดือนแรกปีนี้กำไรจากการดำเนินงานเติบโตขึ้นกว่า 30% มาอยู่ที่ 947.2 ล้านบาท
นายไมเคิล เดวิด มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เปิดผยว่าแนวโน้มผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4/67 มีการส่งสัญญาณเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มสดใสในปี 2568 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ไฮซีซั่นของโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ ศักยภาพในการปรับราคาห้องพักสูงขึ้นและจำนวนห้องพักพร้อมให้บริการที่เพิ่มขึ้นของโรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนดการเดิม
และการตัดสินใจเลื่อนแผนปรับปรุงโรงแรมทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ ไปเป็นปี 2569 เพื่อให้สามารถสร้างรายได้อย่างเต็มศักยภาพ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงคาดการณ์ว่ารายได้และกำไรของบริษัทฯ ในปี 2568 จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
"ปี 2568 นับเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลลัพธ์ที่สำคัญสำหรับ SHR หลังจากที่ได้ทุ่มเทพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์หลักมาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยเราจะมุ่งเน้นไปที่การบริหาร RevPAR ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสภาวะตลาด ควบคู่ไปกับการส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่แขกผู้เข้าพัก เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่พอร์ทโฟลิโอของเราได้อย่างเต็มที่” นายไมเคิล กล่าว
สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3/67 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานเติบโตขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สู่ระดับ 307.6 ล้านบาท สะท้อนถึงศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจหลัก (Core Operations) ที่โดดเด่น รับแรงหนุนจากกระแสการท่องเที่ยวทั่วโลกที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงแรมในฟิจิที่มียอดจองเต็มเกือบตลอดทั้งไตรมาส รวมไปถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพห้องพักและการให้บริการ ซึ่งผลักดันให้ ADR เฉลี่ยทั้งพอร์ทเติบโตขึ้น 11% จากไตรมาส 3 ของปีก่อน
แม้ว่าในไตรมาสนี้ บริษัทฯ จะเผชิญกับปัจจัยท้าทายในระยะสั้น อาทิ ผลการดำเนินงานที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายในช่วงปีแรกของการเปิดให้บริการโรงแรม SO/ Maldives รวมถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เล็งเห็นถึงสัญญาณเชิงบวกอย่างชัดเจนในธุรกิจหลัก (Core Operations) โดยมีรายได้จากการให้บริการสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7,745.6 ล้านบาท และสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ผลกำไรจากการดำเนินงานหลัก เติบโตขึ้นกว่า 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 947.2 ล้านบาท
“ผลประกอบการในไตรมาสนี้สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของบริษัทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) กว่า 36% ของโรงแรม Outrigger ในฟิจิ และความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าไปสู่ตลาดใหม่ๆ เพื่อเข้ามาเติมเต็มศักยภาพในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของโรงแรมในโครงการ CROSSROADS Maldives รวมไปถึงแผนการลดต้นทุนทางการเงินที่เริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในไตรมาสนี้ ความสำเร็จดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และพัฒนาศักยภาพในการทำไรให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการต่อยอดการเติบโตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า”นายไมเคิล กล่าว