รีเซต

'ว่างงาน' ไตรมาสแรก พุ่ง 36% แผลเป็นจากโควิด ทิศทางอนาคต และทางออก

'ว่างงาน' ไตรมาสแรก พุ่ง 36% แผลเป็นจากโควิด ทิศทางอนาคต และทางออก
TNN ช่อง16
30 เมษายน 2567 ( 19:29 )
44

ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาการตกงานของแรงงานไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจและตลาดแรงงานอย่างหนัก ทำให้ภาวะการ "ไม่มีงานทำ" ของประชากรไทยทวีความรุนแรงมากขึ้น


สาเหตุหลักของการตกงานในช่วงที่ผ่านมา คือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้หลายธุรกิจต้องปิดตัวลง หรือลดขนาดกิจการลง ส่งผลให้มีการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก อีกทั้งมาตรการล็อกดาวน์และการจำกัดการเดินทางยังส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซบเซาลงอย่างหนัก ทำให้แรงงานในภาคบริการและการท่องเที่ยวจำนวนมากต้องตกงาน


ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ตัวเลขการว่างงานและการจ้างงานก็ยังคงสะท้อนถึงความเปราะบางของตลาดแรงงานไทย แม้จะมีการฟื้นตัวบ้าง แต่การจ้างงานก็ยังไม่กลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิด และยังมีแรงงานจำนวนมากที่ยังคงตกงานหรือทำงานต่ำกว่าระดับ ซึ่งแสดงให้เห็นถึง "แผลเป็น" ที่โควิด-19 ทิ้งไว้ในตลาดแรงงาน


ว่างงานไทยไตรมาส 1 พุ่ง 36% แม้เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณบวก


ในไตรมาสแรกของปี 2567 ตลาดแรงงานไทยยังคงเผชิญความท้าทาย โดยอัตราการว่างงานอยู่ที่ 2.18% หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงานราว 432,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 1.11 แสนคนหรือ 36.1% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 137,000 คนหรือ 49.1% ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานยังเป็นไปอย่างช้าๆ และมีความเปราะบาง แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะเริ่มส่งสัญญาณบวกบ้างแล้วก็ตาม


เมื่อเทียบกับภาพรวมตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา อัตราการว่างงานในไตรมาสแรกปี 2567 ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปีก่อน ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 2.35% หรือประมาณ 468,000 คน อย่างไรก็ดี ในปี 2566 มีช่วงที่อัตราการว่างงานพุ่งสูงถึง 2.66% ในไตรมาส 2 โดยมีจำนวนผู้ว่างงานสูงถึง 504,000 คน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบปี ดังนั้น แม้ตัวเลขล่าสุดจะดูดีขึ้นบ้างเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ในไตรมาสต่อๆ ไปอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางและแนวโน้มของตลาดแรงงานท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ยังคงมีอยู่ 


ทักษะใหม่ โอกาสใหม่: พลิกวิกฤตแรงงานไทย


รัฐบาลและกระทรวงแรงงานจำเป็นต้องออกมาตรการเพื่อ "ธุรกิจอยู่รอด แรงงานอยู่ได้" ทั้งการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้าง การอบรมพัฒนาทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงการสร้างงานใหม่ๆ เพื่อรองรับแรงงานที่ตกงาน อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่หน้าที่ของภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว แต่ภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรมก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย


สถานการณ์ของแรงงานไทยในปัจจุบันเปรียบได้กับภาพของ "กบต้ม" ที่แรงงานค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับสภาพบีบคั้นโดยไม่รู้ตัว หากไม่รีบแก้ไข แรงงานอาจต้มสุกจนไม่สามารถกลับมามีศักยภาพแข่งขันได้อีก รัฐบาลและทุกภาคส่วนจึงต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อพลิกฟื้นตลาดแรงงาน ฝึกอบรมทักษะใหม่ๆ ให้แรงงาน และสร้างระบบเศรษฐกิจที่เอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างงานที่มั่นคงและมีคุณภาพได้


สรุปแล้ว แนวโน้มการตกงานและคุณภาพชีวิตของคนไทยในระยะต่อไป จะขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างงานใหม่ และพัฒนาศักยภาพของแรงงานไทยให้พร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป หากทำได้สำเร็จ ก็จะช่วยให้คนไทยกลับมามีงานทำ มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง