นายกฯ ย้ำไทย-สิงคโปร์เดินหน้าความร่วมมือเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางอาหาร

เวลา 17.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสิงคโปร์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) ณ ห้อง Bras Basah โรงแรม InterContinental Singapore นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมพบปะชุมชนไทย แรงงานไทย และกลุ่มนักเรียน นักศึกษาไทยในสิงคโปร์ โดยมีคนไทยเข้าร่วมกว่า 100 คน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง
นายกรัฐมนตรีรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาพบพี่น้องชาวไทยและเพื่อนมิตรประเทศในสิงคโปร์ โดยเช้าวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้หารืออย่างเป็นทางการกับนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีในการกระชับความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ดิจิทัล การลงทุน และสาธารณสุข อีกทั้งปีนี้เป็นวาระครบรอบ 60 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–สิงคโปร์ สะท้อนถึงความไว้เนื้อเชื่อใจและมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศตลอดหกทศวรรษที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อการรักษาเสถียรภาพ ความมั่นคง และสันติภาพของภูมิภาค ประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของอาเซียน หากเกิดปัญหากับประเทศใดประเทศหนึ่ง ย่อมส่งผลกระทบต่อทั้งภูมิภาค ดังนั้น รัฐบาลจะบริหารสถานการณ์โดยยึดประโยชน์ของชาติเป็นหลัก รักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอย่างถึงที่สุด พร้อมมุ่งแสวงหาสันติภาพและความร่วมมือ มากกว่าความขัดแย้ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศว่า ไทยยังคงทำงานร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพ ความมั่นคง และความร่วมมือในภูมิภาค โดยในช่วงที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC) ที่เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจ การค้า และความยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งไทยพร้อมต่อยอดจากการหารือและทำงานเชิงรุกเพื่อให้ภูมิภาคนี้เป็นศูนย์กลางการเติบโตที่มั่นคงและสมดุล
ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั่วโลก ผ่านการจัดงาน SET Government Roadshow 2025 โดยยืนยันว่าไทยมีเสถียรภาพ มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม และพร้อมเป็นฐานการผลิตหลักของภูมิภาคสิงคโปร์มีทุน เทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญ ส่วนไทยมีทรัพยากรและพื้นที่ เราสามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างสมดุล
นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยและสิงคโปร์ยังได้ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการค้าข้าว เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารของภูมิภาค โดยไทยจะจัดสรรข้าวสำรองจำนวน 100,000 ตัน ให้แก่สิงคโปร์ เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือวิกฤตอาหารในอนาคต ซึ่งไทยจะไม่เพียงมุ่งส่งออกข้าวในลักษณะสำรองเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้สิงคโปร์นำเข้าข้าวและอาหารแปรรูปจากไทยเพื่อการบริโภคจริง ซึ่งจะเป็นการต่อยอดความร่วมมือด้าน Food Security ให้เข้มแข็งและยั่งยืนยิ่งขึ้น
สำหรับสถานการณ์ในประเทศ รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อให้ประชาชนมีกำลังซื้อ และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก พร้อมเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน ด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อป้องกัน แทนการเยียวยาภายหลัง
ในด้านสาธารณสุข รัฐบาลยังคงพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตเมื่อคนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น รัฐบาลจึงเตรียมออกแบบสังคมสูงวัยให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี โดยไม่เป็นภาระของลูกหลาน
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า พี่น้องชาวไทยในต่างแดนทุกท่านคือ “ทูตประชาชนของชาติ” ทุกครั้งที่กล่าวกับใครว่า “มาจากประเทศไทย” นั่นคือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบ้านเกิดของเรา โดยรัฐบาลจะดูแลสิทธิประโยชน์ของคนไทยในต่างแดน และสร้างโอกาสให้ทุกท่านมีชีวิตที่มั่นคงและปลอดภัย
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้อวยพรให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและขอให้มิตรภาพระหว่างประเทศไทยกับสิงคโปร์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย ทีมประเทศไทย พร้อมด้วยนักวิชาการจากสถาบันชั้นนำและภาคเอกชนในสิงคโปร์ อาทิ ISEAS–Yusof Ishak Institute, National University of Singapore (NUS), Nanyang Technological University (NTU), A*STAR – Agency for Science, Technology and Research และ AMRO Asia รวมถึงผู้แทนจากภาคเทคโนโลยีและดิจิทัล เช่น Google, Meta, LinkedIn, TikTok, CapCut, Datadog, Elastic, Deel, Amazon, True Digital, CAD-IT และ Pico Art
ตลอดจนภาคการเงินและการลงทุน ได้แก่ UOB, Schroders, BlackRock, Nomura, PTT Trading และ S&P Global ภาคอุตสาหกรรมและที่ปรึกษา เช่น Toyota Tsusho Mobility Informatics, Boyd Marine, AVEVA, Sumitomo Chemical Asia และ Terra Oleo รวมถึงภาคธุรกิจออกแบบและบริการ ได้แก่ Folks Collective, L’eSpace Design, Saviynt และ Brand200
นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนสมาคมและองค์กรชุมชนไทยในสิงคโปร์ อาทิ สมาคมไทยในสิงคโปร์ คณะกรรมการอาสาสมัครแรงงานไทย (อสร.) และสมาคมนักเรียนไทยในสิงคโปร์ ตลอดจนนักเรียน นักศึกษาไทยจากสถาบันต่าง ๆ เช่น NUS, NTU, SUTD, SMU และมหาวิทยาลัยมหิดล (โครงการแลกเปลี่ยน) รวมถึงนักเรียนทุนอาเซียน รวมทั้งผู้ประกอบการและอาชีพอิสระในสิงคโปร์ ซึ่งต่างเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีอย่างอบอุ่น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
