ต่างชาติแห่กิน "รามยอน" ตามกระแสหนังดัง "KPop Demons Hunter" เกาหลีใต้เร่งขยายโรงงาน รับส่งออกพุ่ง

"รามยอน" บะหมี่เกาหลี ขายดีตลาดโลก โกยเงินส่งออกพุ่ง ต่างชาติแห่กินตามกระแสหนังดัง "KPop Demons Hunter"
บุกตลาดโลกได้สำเร็จ บะหมี่ซองเกาหลี รามยอนหรือมาม่าเกาหลีที่หลายคนเรียกกัน วันนี้กำลังขายดี ในต่างประเทศ ยอดการส่งออกพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดเด่นคือความเผ็ด การเกาะกระแส K POP K Culture โดยเฉพาะหนังเรื่อง KPOP Demon Hunters เกิร์ลกรุ๊ปนักล่าปีศาจ ที่ฟีเวอร์ในหลายประเทศ
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรามยอนจากเกาหลีใต้กำลังเติบโตอย่างสดใสในตลาดโลกในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ดัง Nongshim และ Samyang Foods ซึ่งเชื่อว่าทั้งสองยี่ห้อนี้ คนไทยเราเองก็น่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีเช่นกัน ข้อมูลจากสำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า วันนี้ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเกาหลีใต้กำลังเกาะกระแสความนิยมของ K culture และเดินหน้ารุกขยายส่วนแบ่งตลาดโลกให้มากขึ้นไปอีก โดย Nongshim กำลังเร่งก่อสร้างโรงงานที่ผลิตเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ ขณะที่ Samyang Foods ก็ลุยไม่แพ้กัน เตรียมตั้งโรงงานแห่งแรกในประเทศจีน เพื่อรองรับความต้องการในตลาดสหรัฐฯ ยุโรป และจีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
หนึ่งในกระแสของ K culture หรือการขายวัฒนธรรมเกาหลีใต้ผ่านสื่อ ที่มาแรงที่สุดในระดับโลกวันนี้ ต้องยกให้ภาพยนตร์แอนิเมชัน เรื่อง KPop Demon Hunters ผลิตโดย Sony Pictures Animation ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา และเผยแพร่บน Netflix เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา และได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เป็นกระแสฟีเวอร์ สามารถขึ้่นเทรนด์อันดับหนึ่งในหลายประเทศทั่วโลก
ที่น่าสนใจ ก็คือ แม้จะเป็นสื่อที่ผลิตจากฝั่งอเมริกา แต่เนื้อหาและฉากดำเนินเรื่องในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะตัวละครหลักทั้ง 3 คน ที่เป็นไอดอล เกิรล์กรุ๊ป ชื่อวง HUNTR/X ที่เป็นนักล่าปีศาจ คอยปกป้องมนุษย์ จากวงบอยแบนด์ที่เป็นปีศาจปลอมตัวมา ชื่อว่า Saja Boys หรือพูดง่ายๆว่าเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นในบริบทของวงการ KPOP ซึ่งถือเป็นสาขาที่สำคัญของ K Culture แต่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ ความนิยม ได้ต่อยอดไปไกล ถึงอุตสาหกรรมอาหารเกาหลี หรือ K Food เพราะในเนื้อเรื่องได้ปรากฎฉากที่ตัวละครกินรามยอน อาหารและขนม ซึ่งเป็นสินค้าฮิตของหนุ่มสาวชาวเกาหลีใต้หลายตัว
โดยเฉพาะ NongShim ที่ไม่รอช้า ได้ออกสินค้าพิเศษร่วมกับทาง KPop Demon Hunters ทันที ผู้บริหารของแบรนด์ Nongshim กล่าวว่า “เราต้องการเป็นผู้สร้างวัฒนธรรมอาหารระดับโลก” และเพื่อรองรับการรุกไปสู่ตลาดโลกได้ไกลขึ้นได้มากขึ้น Nongshim เตรียมเปิดโรงงานใหม่ในเมืองปูซานปีหน้า ซึ่งเป็นเมืองท่าเรือส่งออกใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ โรงงานนี้จะสามารถผลิตบะหมี่ Shin ได้มากถึง 500 ล้านซองต่อปี หรือเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อการส่งออกเป็นสองเท่า พร้อมนำระบบ AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ข้อมูลเปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์จากโรงงานนี้ส่วนใหญ่จะถูกส่งออกไปยังตลาดยุโรป ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต จากปัจจุบันรายได้ของบริษัทจากยุโรปอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์ แต่คาดว่าหลังจากนี้จะพุ่งแรงอย่างแน่นอน หลังจากไปทดลองตลาดด้วยการร้านป๊อปอัปในปารีสมาแล้วและได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม โดยปัจจุบันนี้ทางบริษัทกำลังเร่งการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ถูกปากผู้บริโภคยุโรปมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ไม่นานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Nongshim เพิ่งไปตั้งบริษัทย่อยในเนเธอร์แลนด์ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายในเยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักรให้เกิน 300 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 ซึ่งมากกว่าปัจจุบันประมาณ 4 เท่า นอกจากนี้บริษัทต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 60% ของรายได้รวมภายในปี 2573 โดยปีที่แล้วเองก็ได้มีการขยายไลน์การผลิตที่โรงงานในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดด้วย พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น บะหมี่เพื่อผู้บริโภควีแกน
ขณะที่บะหมี่เกาหลีอีกยี่ห้อก็คือ Samyang ที่หลายคนจำกันได้จากการขายรามยอนรสเผ็ด บริษัทมีฐานในตลาดต่างประเทศมานานกว่า Nongshim วันนี้ก็มีข่าวว่ากำลังเร่งขยายธุรกิจด้วยเช่นกัน สื่อรายงานว่าโรงงานแห่งแรกในต่างประเทศของ Samyang กำลังถูกสร้างในประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ที่สุด คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 โรงงานนี้ถูกตั้งเป้าให้ผลิตบะหมี่รสเผ็ดขึ้นชื่ออย่าง Buldak โดยเฉพาะ และหากมีการเดินสายการผลิตเต็มที่แล้ว โรงงานในจีนจะมีกำลังผลิตถึง 3.9 พันล้านซองต่อปี หรือคิดเป็นการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นถึงประมาณ 40%
นอกจากนี้ Samyang ยังเน้นการขยายสหรัฐฯและยุโรป โดยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มผลิตเพื่อการส่งออกจากโรงงานใหม่ที่ติดตั้งระบบ AI ที่เมืองมิลยาง (Miryang) นอกจากนี้ยังตั้งบริษัทย่อยในยุโรปเมื่อปีที่แล้ว และเมื่อเดือนก่อนลงนามข้อตกลงกับผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ของฝรั่งเศส ถือเป็นการบุกตลาดยุโรปอย่างเต็มตัว
ตลาดโลก "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" น่าจับตา ตัวเลขโตต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ในเอเชียแต่มาแรงในยุโรป
ความต้องการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นทั่วโลก เดิมตลาดสำคัญคืออเมริกาเหนือและจีน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บะหมี่เกาหลีกำลังนิยมเพิ่มขึ้นในยุโรปเช่นกัน ปัจจุบัน Nongshim และ Samyang ส่งออกไปกว่า 100 ประเทศและภูมิภาค
The Korea Times รายงานว่า การส่งออกอาหารของเกาหลีใต้ เติบโตขึ้นเฉลี่ย 8% ต่อปีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากกระแสวัฒนธรรมเกาหลีที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก และฮีโร่ของการส่งออก ก็คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือรามยอน นั่นเอง รายงานจากหอการค้าและอุตสาหกรรมเกาหลี (KCCI) ระบุว่า การส่งออกรามยอนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึง 20% ต่อปีในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ปัจจัยผลักดันสำคัญ ก็คือ KPOP และ K contents อื่นๆที่มาแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเมื่อปีที่แล้ว ปี 2567 รามยอนเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่ง โดยมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีปลายทางหรือตลาดใหญ่ คือ สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น สามประเทศที่นำเข้าผลิตภัณฑ์บะหมี่ซองเกาหลีมากที่สุด
ขณะที่ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วโลกก็ยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง "Euromonitor" คาดการณ์ว่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วโลกจะขยายสู่ 5.65 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2573 หรือเพิ่มขึ้นถึง 35% ภายใน 10 ปีนี้ โดยนักวิเคราะห์ของ Euromonitor ระบุว่าหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้อาหารเกาหลีประสบความสำเร็จในการบุกตลาดโลก ก็คือ พริก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของอาหาร โดยเฉพาะรามยอนของเกาหลีที่มีความเผ็ดและภาพลักษณ์สุขภาพดี เป็นยุทธศาสตร์ที่ดึงดูดใจผู้บริโภคยุคใหม่ได้
ในสหรัฐฯ บะหมี่จากเกาหลีกำลังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างรวดเร็ว ตามข้อมูลของ Nongshim สัดส่วนตลาดรวมของ Nongshim และ Samyang เพิ่มเป็น 29.6% ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 6.1 จุดจาก 5 ปีก่อน ขณะที่ส่วนแบ่งรวมของผู้ผลิตญี่ปุ่นอย่าง Toyo Suisan, Nissin และ Sanyo Foods ลดลง 6.6 จุด เหลือ 63.9%
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
