รีเซต

เปิดมุมมอง KTBST ดีล TU เข้าถือหุ้น 10% ใน RBF

เปิดมุมมอง KTBST ดีล TU  เข้าถือหุ้น 10% ใน RBF
ทันหุ้น
21 กันยายน 2564 ( 10:38 )
97

ทันหุ้น - บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) (KTBST) ส่อง หุ้นบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) “TU” แจ้งตลาดหลักทรัพย์สำหรับการเข้าซื้อหุ้นบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) “RBF” จำนวน 200 ล้านหุ้น หรือ 10% จกกกลุ่มรัตนภูมิภิญโญ (ปัจจุบันถือหุ้นใหญ่กว่า 71.62%) ที่ราคา 15.00 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้ำนบำท เป็นการเข้าซื้อ Big lot โดยธุรกรรมเสร็จภำยวันที่ 20/09/21 โดย TU ได้จัด conference call วานนี้ (20/06/21) มีสาระสำคัญ 

 

1. คาด synergy จากดีลนี้ทำให้ TU จะร่วมกันพัฒนาสินค้ามากขึ้นในส่วนของธุรกิจ Frozen, pet care และ alternative protein รวมถึงธุรกิจกัญชงในอนาคต ผ่านความเชี่ยวชาญของกลิ่นและรสปรุงแต่งอาหารของ RBF โดยคาดว่าจะเริ่มเห็น synergy ตั้งแต่ Q4/64 เป็นต้นไป

2. ในส่วนของ RBF คาดจะได้ synergy ในแง่ของ order จาก TU ที่มากขึ้น และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะใน US ผ่าน Red lobster 3. การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะใช้เงินกู้ Short term loan จากธนาคาร อัตราดอกเบี้ยประมาณ 3%

4. TU จะ assign board member เข้าไปใน RBF 1 ราย และรับรู้ dividend income จาก RBF(ที่มา:SET)

 

ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อทั้ง TU และ RBF จากดีลดังกล่าว โดยมองว่าเป็น win-win transaction และคาดว่า RBF มีผลกระทบทางบวกที่มากกว่า TU จากฐานกำไรที่ต่ำกว่า 

 

**TU: ช่วยต่อยอดการขยายธุรกิจปลายน้ำ 

 

1) TU อยู่ระหว่างรุกธุรกิจที่เน้นมาร์จิ้นสูงเป็นหลักได้แก่ Pet food, ingredient, supplement และ alternative protein ซึ่งทั้ง 4 ธุรกิจที่กล่าวมา สอดคล้องกับธุรกิจของ RBF ได้เป็นอย่างดี โดยฝ่ายวิจัยมองว่าธุรกิจที่มี synergy มากสุดคือ alternative protein

 

2) ราคาเข้าซื้อไม่แพง โดยมองว่าในเชิง financial ดีลครั้งนี้จะไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานของ TU อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการเข้าถือหุ้นเพียง 10% บริษัทจะรับรู้รายได้เป็นเงินปันผล ซึ่งคาดว่าในปี 2565 จะได้รับเงินปันผลราว 60-70 ล้านบาท และจะมีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี

 

3) โดยการเข้าซื้อที่มูลค่า 15.00 บาท/หุ้น (ต่ำกว่าราคาตลาด -24% (20/09/64)) ของ TU ในครั้งนี้ คิดเป็น 2565 PER ที่ 20.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 26 เท่า

 

4) คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท อิง 2564 PER ที่ 18.0x (-0.50SD below 6-yr average PER) และคงประมาณกำไรสุทธิปี 2564/65 อยู่ที่ 7,116 ล้านบาท (+14% YoY) และกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 7,500 ล้านบาท (+5% YoY)

**RBF: รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากตลาดต่างประเทศ

 

1) RBF จะได้ประโยชน์จาก order ที่เพิ่มมากขึ้นจากก TU และการขยายธุรกิจไปต่างประเทศเร็วขึ้น เนื่องจาก TU มีช่องทางการจัดหน่ายสินค้าทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกาและทั้ง 2 ทวีป ยังเป็นแหล่งที่มีมูลค่าตลาดของสินค้า plant based และกัญชงค่อนข้างสูง โดยปัจจุบันบริษัทสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ plant based ได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และมีนวัตกรรมแต่งกลิ่นสีและรสชาติอาหาร plant based ให้เหมือนรับประทานเนื้อสัตว์เกือบ 100%

 

2) คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท อิง 2565 PER 40x และคงกำไรสุทธิปี 2564/65 ที่ 428 ล้านบาท (-18% YoY) และ 1,450 ล้านบาท (+238% YoY) ปี 2565 กำไรจะโตแบบก้าวกระโดดจากกัญชง ปัจจุบัน RBF เทรดอยู่ที่ 2565 PER 27x (เทียบเท่า 3-year average PER)

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง