ลาตินอเมริกา ติดเชื้อโควิดทะลุ 5 ล้านคน ดับพุ่งเกิน 2 แสน

วันนี้( 4 ส.ค.63) ลาตินอเมริกาและประเทศในแถบแคริบเบียน มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมกันเกิน 5 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้วในวันจันทร์ โดยกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในบราซิล และยังมีผู้เสียชีวิตรวมกันอีกกว่า 200,000 คน ขณะที่หลายประเทศพยายามที่จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เฉพาะในบราซิลซึ่งมีประชากร 210 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 2.75 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 94,000 คน มีเพียงสหรัฐ ประเทศเดียวเท่านั้นที่มีผู้ติดเชื้อกว่า 4.8 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 155,000 คน เลวร้ายกว่าบราซิล ประเทศใหญ่สุดในอเมริกาใต้

ส่วนประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในลาตินอเมริกา คือเปรู มีผู้ติดเชื้อกว่า 429,000 คน และเสียชีวิตมากกว่า 19,600 คน โดยเปรู ซึ่งเมื่อ 1 เดือนก่อน เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ใน 17 จังหวัดจากทั้งหมด 25 จังหวัด เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหาย กลับมาระบาดรอบ 2 มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีการกลับมาให้บริการรถบัสและการเดินทางทางอากาศ ซึ่งตั้งแต่นั้นมา จำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จากประมาณ 3,300 คน เป็น 6,300 คน

ขณะที่ อาร์เจนตินา ผู้ติดเชื้อก็พุ่งผ่าน 200,000 คนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเดิมทีนั้นประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของไวรัส แต่พบตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้และโคลอมเบียก็ทำสถิติผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุด รวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศทะลุ 300,000 คน และเสียชีวิต 10,000 คน ทำให้มีถึง 5 ประเทศในลาตินอเมริกา ที่มีชื่อติดเชื้อสูงสุดใน 10 อันดับแรกของโลก 

ลาตินอเมริกา ซึ่งมีประชากรประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิดเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและรวดเร็วและทำให้ผู้นำในภูมิภาคติดเชื้อหลายคน ซึ่งรวมทั้งประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำบราซิล และจีไนน์ อาเนซ ประธานาธิบดีของโบลิเวีย 

เกาะติดข่าวที่นี่