AHมั่นใจรายได้ปี65โต30% ลั่นปีหน้าฟอร์ด-EVหนุนต่อ
#AH #ทันหุ้น - AH มั่นใจปีนี้รายได้เข้าเป้าเพิ่มขึ้น 30% หนุนจากยอดผลิตรถยนต์ขยายตัว 27.99% YoY ด้านธุรกิจหลัก “ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์” เติบโตบวก รับอานิสงส์อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) สดใส มั่นใจรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ 10-20% ด้านนักวิเคราะห์คาดไตรมาส 3/2565 กำไรโต 68%YoY พร้อมอัพเป้าราคาใหม่เป็น 38.6 บาทจากเดิม 32 บาท
นายเย็บ ซู ชวน ประธานคณะกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ผลการดำเนินงานทั้งปี 2565 มีแนวโน้มเติบโตประมาณ 25-30% จากฐานรายได้รวมทั้งปี 2564 ที่ทำได้ราว 2 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยหนุนของการเติบโตมาจากยอดผลิตรถยนต์ประจำเดือนกันยายน 2565 ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรายงานที่ 179,237 คัน เพิ่มขึ้น 4.37%MoM และเพิ่มขึ้น 27.99% YoY จากสถานการณ์ขาดแคลนชิปที่คลี่คลายลง และการที่ค่ายรถยนต์, รถอเนกประสงค์ SUV ฯลฯ เริ่มปรับทยอยเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ควบคู่กับการเปิดตัวรถยนต์เครื่องสันดาบ
งบไตรมาส 3 โตต่อ
เบื้องต้นคาดผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2565 จะเติบโตต่อเนื่องทั้งเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 2/2565 (QoQ) และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และจะรักษาระดับการเติบโตของอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) ไว้ที่ 10-12% ตลอดช่วงครึ่งหลังของปี 2565 หนุนจากคำสั่งผลิต (Order) ใหม่ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยอดจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ด (FORD) และซูซูกิ (ISUZU) ในประเทศที่เร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงบริษัทย่อยในต่างประเทศทั้งในจีน และมาเลเซีย ก็มียอดขายเติบโตอย่างโดดเด่ตามความต้องการ (Demand) ที่สูงกว่ากำลังการผลิต (Supply) ซึ่งถูกกดดันจากสถานการณ์การขาดแคลนชิปต่อเนื่องกว่า 2 ปีที่ผ่านมา เป็นปัจจัยหนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่เหลือของปี 2565 จะยังสามารถเติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้
รับรู้รายได้ฟอร์ดเต็มปี
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 นั้นยังคงคาดการณ์ว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หนุนจากการรับรู้รายได้จากฟอร์ดเต็มปี พร้อมรับการเข้ามาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ซึ่งบริษัทได้เป็นพันธมิตร (Partner) กับ BYD แล้วจะยิ่งเป็นปัจจัยหนุนคำสั่งซื้อ และคำสั่งผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และสินค้าที่สามารถใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์คาดผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2565 ของ AH จะรายงานกำไรสุทธิที่ 393 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68%YoY, แต่ลดลง 4%QoQ โดยหากไม่รวมรายการพิเศษจะเติบโตได้ถึง 210%YoY, และเพิ่มขึ้น 40%QoQ โดยหารเป็นไปตามประมาณการ กำไรงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 จะสูงถึง 1,080 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 95% ของกำไรปกติเดิมที่ คาดไว้ที่ 1,142 ล้านบาท
ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย
ฝ่ายวิเคราะห์จึงพิจารณาปรับประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2565 ขึ้นจากเดิม 14% มาอยู่ที่ 1,298 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64%YoY ส่วนกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%YoY คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับประมาณการราคาเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานปี 2566 ขึ้นเป็น 38.6 บาท จากเดิม 32 บาท
ผลงานดีกำไรแจ่ม
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” พร้อมเป้าเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2566 เป็น 35 บาทต่อหุ้น จากเดิม 30 บาทต่อหุ้น ขณะเดียวกันได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นยอดขาย 1% กำไรปกติเพิ่มขึ้น 6% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15% ซึ่งคาดว่ายอดขายในปี 2565 จะอยู่ที่ 26,475 ล้านบาท เติบโต 30% และมีกำไรปกติอยู่ที่ 1,317 ล้านบาท เติบโต 66% เมื่อรวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจะทำให้มีกำไรสุทธิที่ 1,573 ล้านบาท เติบโต 54%
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 3/2565 คาดว่า AH จะมีกำไรปกติเด่นต่อเนื่องอยู่ที่ 315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 149% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งไตรมาสนี้คาดจะมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาช่วยอีกประมาณ 130 ล้านบาท จะทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 445 ล้านบาท เติบโต 9% จากไตรมาสก่อน และโต 90% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่