รีเซต

‘ทีพีไอ โพลีนฯ’ ยันปี 64 กำไรโตต่อ ไม่หวั่นโควิดทำล็อกดาวน์ พร้อมประมูลโรงไฟฟ้าขยะหนุนโยบายรัฐ

‘ทีพีไอ โพลีนฯ’ ยันปี 64 กำไรโตต่อ ไม่หวั่นโควิดทำล็อกดาวน์ พร้อมประมูลโรงไฟฟ้าขยะหนุนโยบายรัฐ
มติชน
15 ธันวาคม 2563 ( 14:44 )
35
‘ทีพีไอ โพลีนฯ’ ยันปี 64 กำไรโตต่อ ไม่หวั่นโควิดทำล็อกดาวน์ พร้อมประมูลโรงไฟฟ้าขยะหนุนโยบายรัฐ

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2564 จะดีกว่าในปี 2563 เนื่องจากบริษัทฯ สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้สูงขึ้น หลังจากการติดตั้งหม้อต้มน้ำเพิ่มเติมแล้วเสร็จในปี 2563 โดยในส่วนผลประกอบการในไตรมาส 4/2563 บริษัทฯ แจ้งว่าการที่โรงปูนของทีพีไอโพลีนฯ มีการปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกำไรมากนัก เนื่องจากรายได้และกำไรส่วนใหญ่ของบริษัทฯ มาจากการขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากโรงไฟฟ้ารวม 2,877.7 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก กฟผ. 2,239.4 ล้านบาทคิดเป็นประมาณ 78% รายได้จาก บมจ.ทีพีไอโพลีน 629.8 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 22% และอื่นๆ อีก 8.5 ล้านบาท ไม่ถึง 1%

 

“ปี 2564 จะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอีก เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ตามที่บริษัทฯ ได้เคยสัญญามาตลอดในปีที่แล้ว (2562) โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตถือเป็นการเติบโตในระยะสั้นของบริษัทฯ ซึ่งปีหน้าจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ต้นปี นอกจากนี้ การเติบโตในระยะกลาง หรือการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะต่างๆ และการเติบโตในระยะยาว เรื่องโครงการ “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” หรือ Giga Project ก็มีความคืบหน้ามาตลอดตามลำดับ” นายภัคพล กล่าว

 

นายภัคพล กล่าวว่า สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2564-2566 บริษัทฯ จะเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะตามจังหวัดต่างๆ ตามนโยบายของภาครัฐ ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทฯ ได้ติดตามความคืบหน้า 12 โครงการรวม 143 เมกกะวัตต์ โดยมี 2 โครงการที่มีความชัดเจนแล้วคือ โครงการในจังหวัดสงขลา (8 เมกกะวัตต์หรือมากกว่า) โครงการในจังหวัดโคราช (9.9 เมกกะวัตต์) โดยทั้งสองโครงการคาดว่าจะได้ขายเชิงพาณิชย์ในช่วงปี 2566 ในส่วนของโครงการในจังหวัดสระบุรี (40 เมกกะวัตต์) บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถขายได้ช่วงต้นปี 2565 สำหรับ 9 โครงการที่เหลืออยู่ ยังต้องรอความชัดเจนจากทางภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในปี 2564 ทั้งหมด

 

“ปัจจุบันทางบริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (พีพีเอ) กับทาง กฟผ.อยู่ 3 สัญญา รวม 163 เมกกะวัตต์ และในปี 2565-2566 จะมีการขายเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะเพิ่มเติม ซึ่งโครงการทั้งหมดยังไม่ได้รวมการพัฒนาโครงการ ‘เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต’ ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งได้มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ได้อนุมัติให้ตั้งโรงไฟฟ้าขนาด 3,700 เมกกะวัตต์ขึ้น โดยเป็นโรงไฟฟ้า 1,700 เมกกะวัตต์จากก๊าซธรรมชาติ (แอลเอ็นจี) และ 2,000 เมกกะวัตต์ จากพลังงานหมุนเวียนในโครงการ ‘เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต’ ตามที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) เสนอตามนโยบายของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งจะเริ่มทำรายได้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า” นายภัคพล กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง