รีเซต

SCCฟื้นไตรมาสแรกฉลุย ดีมานด์ขยายดันยอดเพิ่ม

SCCฟื้นไตรมาสแรกฉลุย ดีมานด์ขยายดันยอดเพิ่ม
ทันหุ้น
8 กุมภาพันธ์ 2566 ( 07:16 )
33
SCCฟื้นไตรมาสแรกฉลุย ดีมานด์ขยายดันยอดเพิ่ม

#SCC #ทันหุ้น - SCC แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 1/66 ฟื้นตัวดีกว่าไตรมาสก่อน รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ ดีมานด์เคมิคอลขยายตัว อสังหากลับมาลงทุน ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อกักเก็บวัตถุดิบ ราคาถ่านหินปรับตัวลดลงชดเชยค่าไฟที่ยังสูง วางงบ 4-5 หมื่นล้านบาท รองรับลงทุนใหญ่โครงการ LSP ที่คาดเริ่มเดินเครื่องกลางปี 66 นี้ เล็งปรับเพิ่มราคาซีเมนต์อีก

 

นายณรงค์พันธุ์  ลีสหะปัญญา Director-Investor Relations and Strategic Planning บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 1/2566 เห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 ที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ระดับ 122,190 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 157 ล้านบาท หลักๆ เป็นผลมาจากแนวโน้มดีมานด์ที่กลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น หลังจากที่ประเทศจีนมีการประกาศกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์เคมิคอลกลับมาขยับบวกขึ้นได้ ทำให้กลุ่มลูกค้าเริ่มกลับมามีการสั่งซื้อเพิ่มจัดเก็บสินค้าคงคลังมากขึ้น เนื่องจากกังวลว่าราคาจะขยับขึ้นอีกในอนาคต

 

@ดีมานด์พุ่ง

 

โดยธุรกิจเคมิคอล (SCGC) มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ราคาผลิตภัณฑ์เคมิคอลปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการเปิดประเทศของจีน ขณะที่ตลาดใหญ่อย่างสหรัฐและยุโรปกำลังเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยแต่เชื่อว่าจะไม่รุนแรงนัก และมองสถานการณ์ต่างๆ น่าจะไม่แย่ไปกว่าไตรมาส 4/2565 แล้ว

 

ทั้งนี้ แม้ว่าจะยังมีปัจจัยกดดันจากซัพพลายที่มีเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่องอีกราว 5% จากปีก่อน รวมถึงความไม่แน่นอนของต้นทุนค่าไฟฟ้า แต่เชื่อว่าในช่วงนี้จะสามารถชดเชยได้จากราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลงในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ยังคงต้องให้การจับตาดูดีมานด์ที่แท้จริงของประเทศจีนในช่วงไตรมาส 2/2566 ว่าจะเพิ่มขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน

 

นอกจากนี้ บริษัทมองว่าการพัฒนาโครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ จํากัด (Long Son Petrochemicals Company Limited หรือ LSP) ซึ่งโครงการปิโตรเคมีครบวงจร ขนาดกำลังผลิต 1.4-1.5 ล้านตัน ที่ประเทศเวียดนามนั้น คาดว่าจะสามารถเริ่มเดิมเครื่องผลิตได้ภายในช่วงกลางปี 2566 นี้เป็นต้นไป โดยปัจจุบันการก่อสร้างแล้วเสร็จไปกว่า 98% แล้ว ทั้งนี้มองว่าบริษัทอาจยังต้องใช้ระยะเวลาในการทดสอบและปรับปรุงสายการผลิตอีกประมาณ 3-6 เดือน แต่ในเบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายขึ้นมาเป็นไม่น้อยกว่า 10% ของพอร์ตทั้งหมดบริษัทในปีนี้

 

ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มองว่าในปี 2566 จะมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ซึ่งจากการที่จีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ส่งผลให้ภาคเอกชนโดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์กลับมามีการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณของดีมานด์กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน

 

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนที่ทำได้ราว 150-200 บาทต่อตัน อย่างไรก็ดี ในปีนี้มีแผนที่จะปรับสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ที่เป็น Hybrid Cement เข้ามาทดแทนผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ให้ได้เต็ม 100%

 

**อัดงบ5หมื่นล.

 

ส่วนธุรกิจ SCGP การเติบโตในปี 2566 นั้น ปัจจัยหลักยังคงมาจากการขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการ (M&P) และการขยายกำลังการผลิต (Organic Expansion) โดยในปีนี้บริษัทก็มีแผนการลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนเพื่อหาความร่วมมือยังคงเป็นกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจดังกล่าวต่อไปในปีนี้ อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดขายจะเพิ่มเป็น 2 เท่าภายในปี 2568 จากในปีฐาน 2563

 

สำหรับเงินลงทุนในปี 2566 บริษัทวางแผนใช้เงินลงทุนไว้ที่ประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นการลงทุนในโครงการ LSP สัดส่วนประมาณ 50% และที่เหลืออีกราว 50% ใช้สำหรับโครงการอื่นๆ ที่จำเป็นต่อไป

 

***แนะนำ"ซื้อ"เป้า 410 บ.

 

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จากการจัดงาน Virtual Roadshow โดยเชิญ SCC เข้าร่วมบรรยายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมนักลงทุนมองเชิงบวกต่อทั้งภาพระยะสั้นและยาว SCC สรุปประเด็นดังนี้ 1. ธุรกิจเคมี ปี 2566 หนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อ Spread ฟื้นตัว  2. ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง เห็น Flow ของงานก่อสร้างเพิ่มขึ้นในไทยและ ASEAN และ 3. สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง ส่งผลต่อความสามารถในการลงทุนเพิ่ม เป็น Upside ระยะยาว และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ได้ตามนโยบายที่ 40-50% ของกำไร จากปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมาส่งผลให้ทางฝ่ายคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ระดับ 410 บาท

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง