รีเซต

รวม พายุถล่มหลายจังหวัด บ้านพังยับ - สมุทรปราการสลด! แม่กอดศพลูกชายวัย 7 ขวบ ลอยคอกลางน้ำนานเกือบชั่วโมง

รวม พายุถล่มหลายจังหวัด บ้านพังยับ - สมุทรปราการสลด! แม่กอดศพลูกชายวัย 7 ขวบ ลอยคอกลางน้ำนานเกือบชั่วโมง
ข่าวสด
6 พฤษภาคม 2564 ( 11:34 )
236
รวม พายุถล่มหลายจังหวัด บ้านพังยับ - สมุทรปราการสลด! แม่กอดศพลูกชายวัย 7 ขวบ ลอยคอกลางน้ำนานเกือบชั่วโมง

 

ข่าววันนี้ ภัยจากธรรมชาติที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในหลายพื้นที่ในช่วงนี้ เมื่อเกิดพายุถล่มอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อประชาชน ทั้งบ้านพังยับ สูญเสียสมาชิกในครอบครัว จะมีจังหวัดไหนบ้างที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ 

 

 

 

 

จังหวัดสมุทรปราการ สลด! แม่กอดศพลูกชายวัย 7 ขวบ ลอยคอกลางน้ำนานเกือบชั่วโมง

 

 

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 6 พ.ค.64 พ.ต.ท.วุฒิชัย สังวาลทรัพย์ สว.(สอบสวน) สภ.สาขลา จ.สมุทรปราการ รับแจ้งว่ามีผู้จมน้ำเสียชีวิต จึงเดินทางตรวจสอบ พร้อมมูลนิธิร่วมกตัญญูและแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์

 

ที่เกิดเหตุบ้านหลังหนึ่งใน ต.นาเกลือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ พบ น.ส.จงกล สง่างาม อายุ 42 ปี ชาวอ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ อาชีพชาวประมง นั่งกอดศพลูกชายวัย 7 ขวบ อยู่บริเวณศาลาริมน้ำ ในสภาพตัวเปียกทั้งคู่ โดยน.ส.จงกลร้องไห้ด้วยความเสียใจ และยังพบนายสุรพล เกื่อกล อายุ 52 ปี ชาวอ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ผู้เป็นพ่อ อาชีพชาวประมง ยืนร้องไห้ดูศพลูกชายด้วยความโศกเศร้า

 

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ ชันสูตรศพเบื้องต้น สาเหตุเสียชีวิตจากการจมน้ำ พ่อและแม่ไม่ติดใจในการเสียชีวิตในครั้งนี้ จึงมอบศพให้ญาติรับไปดำเนินพิธีกรรมตามศาสนาต่อไป

 

นายสุรพล เปิดเผยว่า ช่วงเวลา 03.00 น. มีลมพายุซัดเข้ามาที่บ้านของตน ซึ่งอยู่บริเวณปากอ่าวติดทะเล จำนวน 3 ลูก โดยพายุลูกแรกไม่มีความรุนแรงเท่าไหร่ จนกระทั่งลูกที่ 2 และลูกที่ 3 พัดเอาบ้านของตนพังไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งขณะนั้นตนพาลูกและภรรยาไปขึ้นเรือที่จอดอยู่บริเวณใกล้ๆ แต่ก็ถูกคลื่นซัดจนเรือจม โดยตนพร้อมภรรยา และลูกวัย 7 ขวบ ต่างถูกคลื่นซัดจมน้ำไปคนละทิศละทาง

 

ตนพยายามว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง เพื่อที่จะไปนำเรืออีกลำไปช่วยลูกและภรรยา แต่ก็ไม่สามารถว่ายน้ำถึงฝั่งได้ เนื่องจากคลื่นสูงและแรง จนกระทั่งว่ายกลับเข้าฝั่งได้ช่วงเวลา 04.30 น. โดยประมาณ โดยลอยคออยู่ในน้ำประมาณ 1 ชั่วโมง จนมาทราบว่า ภรรยาและลูก ถูกชาวบ้านช่วยเหลือไว้ แต่ลูกวัย 7 ขวบ เสียชีวิตลง

 

 

จากการสอบถามน.ส.จงกล เล่าให้ฟังว่า พายุนั้นพัดถล่มบ้าน ซึ่งบ้านของตนอยู่บริเวณปากอ่าว โดยหลังจากบ้านพังก็ต่างคนต่างกระจายกันอยู่ในน้ำ โดยตนกอดลูกไว้ตลอด จนมีเรือของชาวบ้านมาช่วย

 

 

ขณะที่ นายนที อ่ำถนอม อายุ 35 ปี ชาวบ้านที่ช่วยเหลือ 2 แม่ลูกเข้าฝั่ง เล่าให้ฟังว่า หลังจากพายุสงบลง ช่วงเช้าตนนำเรือออกไปทำธุระ ได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ ก็พบว่ามีหญิงคนหนึ่งกอดลูกอยู่บริเวณป่าริมตลิ่ง สภาพเปียกไปทั้งตัว จึงนำเรือเข้าช่วยขึ้นฝั่ง และแจ้งเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบดังกล่าว

 

พายุพัดกระหน่ำ สมุทรสาคร ทำเสาไฟฟ้าแรงสูงล้ม 11 ต้น บ้านพังเพียบ

 

นางขวัญดาว สุมนัส นายกเทศมนตรีเทศบาลต.หลักห้า พร้อมด้วยนายชลอ เกิดปั้น รองนายกเทศมนตรีฯ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายในต.โรงเข้ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร หลังถูกลมพายุพัดถล่ม พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคศรีดอนไผ่ และพื้นที่ใกล้เคียง ร่วมตรวจสอบ

 

 

จากการตรวจสอบพบว่ามีเสาไฟฟ้าแรงสูงจำนวน 11 ต้น และเสาไฟฟ้าส่องสว่างขนาดเล็กอีก 3-4 ต้น ล้มกีดขวางการจราจร บนเส้นทางหลวงชนบท สค 2006 ริมถนนคันพนัง ม.6 ต.โรงเข้ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเร่งดำเนินการเร่งปรับปรุงซ่อมแซมให้เป็นที่เรียบร้อย โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าให้ชาวบ้านได้กลับมาใช้งานได้ตามปกติภายในเย็นวันนี้

 

 

นางขวัญดาว กล่าวว่า นอกจากเรื่องเสาไฟฟ้าที่ล้มแล้ว ยังมีอีกหลายที่ได้รับความเสียหายจากพายุฝนพัดกระหน่ำ เช่นบ้านเรือนประชาชนถูกเสาไฟฟ้าล้มใส่ หลังคาถูกลมพัดปลิว และพืชสวนเกษตรกรรมถูกลมพัดได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของเทศบาลออกไปดำเนินการสำรวจความเสียหายของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือต่อไป

 

 

จากการสำรวจของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สมุทรสาคร เบื้องต้นพบพื้นที่ประสบวาตภัยมี 2 อำเภอ คืออ.เมือง และอ.บ้านแพ้ว รวมทั้งสิ้น 19 หมู่บ้าน 14 ตำบล เสาไฟฟ้าขนาดใหญ่โค่นล้มจำนวน 11 ต้น ในพื้นที่ต.โรงเข้ มีบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย 8 หลัง โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งกำลังดำเนินการสำรวจความเสียหายเพิ่มเติม

 

 

พายุฝนถล่ม บ้านบึง จ.ชลบุรี แรงลมซัดต้นมะขามยักษ์ 100 ปี โค่น เสาไฟล้ม ร้านค้าพังเสียหาย

 

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 5 พ.ค. 2564 เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลหนองซ้ำซาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย ที่พื้นที่ หมู่ที่ 2 หลังเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เกิดฝนฟ้าคะนองและเกิดพายุลมแรง จากการสำรวจพบว่ามีต้นมะขามยักมีอายุกว่า 100 ปี ล้มลงขวางถนนเส้นทางหนองซ้ำซาก-สำนักบก ยังทำให้เสาไฟฟ้าล้มลงมาด้วย เจ้าหน้าที่ต้องทำการรีบเคลียร์เส้นทางอย่างเร่งด่วน

 

 

เพื่อให้รถยนต์ จักรยานยนต์ ได้ผ่านทางสัญจรไปมาได้เหมือนเดิม หลังจากต้องมีการหลีกเลี่ยงหลายชั่วโมง นอกจากนั้น ยังมีต้นสะเดา อายุกว่า 20 ปี ทนแรงลมไม่ไหวโค่นล้มทับร้านขายอาหารพังทั้งหลัง และยังทับรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 3ฎ 6828 ชลบุรี ทำเอาเจ้าของร้านไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน

 

 

 

 

จากการสอบถามนางสาวกถิน ทองงาม อายุ 42 ปี เจ้าของร้านค้า เล่าว่า ขณะที่นอนอยู่กับสามีในร้าน ได้มีลมพายุพัดอย่างแรง จะออกมาดูข้างหน้าร้านก็ไม่ได้ จะไปอยู่ด้านหลังก็ไม่ได้ เลยต้องยืนกอดเสาอยู่ในบ้านด้วยความกลัว ซึ่งตนเองอาศัยอยู่ตรงนี้มา 4 ปีแล้ว ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย เบื้องต้นทางเทศบาลตำบลหนองซ้ำซาก เร่งทำการตัดไม้ที่ทับบ้านออกและจะเยียวยาให้ตามขั้นตอนของทางราชการต่อไป

 

 

พายุฤดูร้อน ถล่มเรือไดหมึกจมหลังเกาะเสม็ด ลูกเรือดับ 1 สูญหาย 2

 

เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 6 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดพายุฤดูร้อนฝนตกหนักฟ้าคะนองและมีลมพายุแรงจัด ทำให้บ้านพักประมงพื้นบ้านศาลาเขียว เทศบาลต.บ้านเพ อ.เมืองระยอง หลังคายุบลงมาทั้งหลังได้รับความเสียหายจำนวน 1 หลัง ส่วนเรือประมงที่จอดทิ้งสมอบริเวณใกล้เคียง โดนลมพายุพัดเรือกระแทกหินแตกจม 1 ลำ และโดนลมพัดทำให้เรือจมเครื่องเรือได้รับความเสียหายไปอีก 1 ลำ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

 

 

ชาวบ้านกล่าวว่า บริเวณที่ตั้งร้านอาหารและบ้านพักประมงศาลาเขียว เป็นร่องลมเวลาเกิดมีลมพายุแรงจัดก็จะได้รับผลกระทบทุกครั้ง แต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

 

 

อีกรายได้รับแจ้งจาก ศจร.ระยอง ว่า มีเรือไดหมึกชื่อโชควศิน 2 ขนาด 12.32 ตันกรอส พร้อมลูกเรือ 3 คน ขณะออกไปทำการประมง ด้านทิศตะวันออกของเกาะเสม็ด ได้เกิดอับปางเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.ล่าสุดได้รับรายงานว่าพบศพลูกเรือประมง 1 ราย ลอยอยู่กลางทะเลหลังเกาะเสม็ด หน่วยกู้ภัยกำลังนำเรือออกไปนำศพกลับเข้าฝั่ง ท่ามกลางลมพายุแรงจัด ส่วนลูกเรืออีก 2 รายยังไม่พบ

 

 

ด้านนายสีนวล อักษรศรี ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านตากวน ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง กล่าวว่า เรือประมงบ้านตากวนได้ลากขึ้นฝั่งทุกลำ ปลอดภัยไม่ได้รับความเสียหายจากลมพายุฤดูร้อนครั้งนี้แต่อย่างใด ชาวประมงเรียก “ลมตะเภา” ส่วนร้านค้าชายหาด ที่ปลูกสร้างด้วยหญ้าคา สำหรับให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหาร ถูกลมพัดหลังคาหญ้าคาปลิวว่อนเกลื่อนถนน

 

 

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางประไพ สาธิตวิทยา ประธานกลุ่มอนุรักษ์ประมงสามัคคีบ้านพลา ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง ว่า เรือประมงโดนลมพายุพัดจนเรือแตกจำนวน 4 ลำ อีก 3 ลำโดนโดนลมพัดกระแทกสันเขื่อนแตก

 

 

ข่าวเกี่ยวข้อง :

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง