ไม่จริง! ข่าวพายุทะเลจีนใต้ จ่อกระหน่ำไทยทางพรมแดนกัมพูชา
วันนี้ ( 1 พ.ค. 65 )ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อเกี่ยวกับประเด็นพายุทะเลจีนใต้ เตรียมเข้าไทยทางตะวันออกพรมแดนไทยเขมร ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากกรณีที่มีข้อความบนสื่อออนไลน์กล่าวว่าพายุทะเลจีนใต้ เตรียมเข้าไทยทางตะวันออกพรมแดนไทยเขมร กับปริมณฑล ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงว่า ในขณะนี้หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ยังไม่ได้ทวีกำลังแรงขึ้น ยังให้เป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง วันที่ 30 เม.ย. -1 พ.ค.65 เมื่อปกคลุมชายฝั่งประเทศเวียดนามและประเทศกัมพูชา และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงเนื่องจากมีความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุม
พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 29 เม.ย - 5 พ.ค. 65 ในช่วงวันที่ 29 เม.ย. – 3 พ.ค. 65 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้นประกอบกับในช่วงวันที่ 1 – 5 พ.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงหนือ และทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นโดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกรวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง
ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากทาง กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.tmd.go.th/index.php หรือโทร. สายด่วน 1182 และหมายเลขโทรศัพท์ 0 2399 4547 ตลอด 24 ชั่วโมง
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ขณะนี้ความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางยังไม่ได้ทวีกำลังแรงขึ้น และในวันที่ 30 เม.ย. -1 พ.ค.65 เมื่อปกคลุมชายฝั่งประเทศเวียดนามและประเทศกัมพูชา คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเนื่องจากมีความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุม
ข้อมูลจาก : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม
ภาพจาก : AFP