ด่วน! ศาลพิพากษา ประหารชีวิต 'ผอ.กอล์ฟ' ชิงทองลพบุรี
วันที่ 27 สิงหาคม 2563 เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ “ผอ.กอล์ฟ” จำเลยในคดีฆ่าชิงทองร้านทองออโรร่า สาขาห้างสรรพสินค้า โรบินสันจ.ลพบุรี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มายังศาลอาญา เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีฆ่าชิงทองหมายเลขดำอ.409/63ที่พนักงานอัยการคดีอาญา6เป็นโจทก์ฟ้อง นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ อายุ 38 ปี อดีตผอ.โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี เป็นจำเลยในความผิดฐาน “ฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืนและยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การชิงทรัพย์และหลบหนี, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ อื่น ๆ รวม 9 ข้อหา ในเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 714 จากกรณีเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2563 เวลากลางคืนจำเลยได้ใช้อาวุธปืน ขนาด 9มม.ติดท่อเก็บเสียงบุกเข้าไปภายในร้านทองออโรร่า สาขาห้างสรรพสินค้า โรบินสันจ.ลพบุรี แล้วยิงใส่จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายและได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย พร้อมนำของกลาง ทองคำ 31 เส้นมูลค่าราว 650,515บาทขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมจำเลยได้พร้อมสร้อยทองของกลาง คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของศาล โดยมีอัยการโจทก์ ทนายจำเลยและญาติของผู้เสียชีวิต เดินทางมาศาลร่วมกระบวนพิจารณาด้วย
สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2563บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2563 จำเลยซึ่งมีอาวุธปืนออโตเมติก ขนาด 9 มม. ทะเบียนกท 5027346 เลขหมาย A 300638ติดท่อเก็บเสียง 1 อันซองกระสุนปืนพร้อมเครื่องกระสุนได้นำอาวุธพร้อมเครื่องกระสุนเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลพบุรีแล้วยิงนายธีระฉัตร นิ่มมา พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้างฯรวมทั้งประทุษร้ายบุคคลทั่วไป จนเป็นเหตุให้ ด.ช.ภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ และน.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทองออโรร่า ถึงแก่ความตายและจำเลยยังได้ยิงบุคคลอื่นอีก 4คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงเอาสร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้นน้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้นเป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท ของบริษัทออโรร่าดีไซน์ จำกัด ผู้เสียหายไปโดยทุจริต ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนีไปต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจได้สืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวจำเลยได้พร้อมของกลางหลายรายการและให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
เมื่อถึงเวลาศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานและหลักฐานของพนักงานสอบสวนรวมถึงพยานในที่เกิดเหตุสอดคล้องตรงกันมีความชัดเจน ทำให้เชื่อได้ว่า จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุในคดี ข้ออ้างที่จำเลยให้การต่อศาลว่าเป็นความคิดชั่ววูบเพราะมีปัญหาหนี้สินจำนวนมากรับฟังไม่ขึ้นเนื่องจากมีการเตรียมการและมีอาวุธปืนพร้อมที่เก็บเสียง แสดงให้ถึงการตระเตรียมที่จะกระทำความผิด
สำหรับกรณีวิถีกระสุนทำให้เด็กชายเสียชีวิตจำเลยอ้างว่าไม่เจตนาไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อพิจารณาจากหลักฐานแล้วเห็นว่าเมื่อจำเลยนำปืนเก็บเสียงยิงไปที่ นายธีระฉัตร ผู้เสียหายที่หนึ่ง รปภ.ห้างโรบินสัน และกระสุนทะลุไปโดน ดช.ภาณุวิชญ์ จนเสียชีวิต ศาลถือว่าเจตนากระทำผิดต่อเด็กด้วย
ส่วนที่จำเลยขอให้ลงโทษสถานเบาเพราะภายหลังก่อเหตุเกิดความสำนึกเสียใจยอมให้จับกุมประกอบกับ มีคุณงามความดีมาก่อนนั้นศาลเห็นว่าจำเลยไม่ได้มอบตัวและการให้การมีประโยชน์ต่อการแสวงหาหลักฐานหรือการสอบสวน เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์ก็สามารถนำสืบจนทราบได้และคำให้การไม่มีการให้ประโยชน์ความรู้กับศาล จึงไม่มีเหตุให้พิจารณาบรรเทาโทษทั้งนี้คำรับสารภาพของจำเลยเป็นการจำนนต่อหลักฐานการกระทำผิดของจำเลยเป็นภัยร้ายแรง คุกคามต่อสังคม ไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษตามกฏหมายคำขอของจำเลยฟังไม่ขึ้น
เมื่อพิจารณาโทษทั้งหมดจำเลยมีความผิดตามฟ้อง หลายกรรมต่างกันพิพากษาให้ลงโทษทุกกรรม รวมโทษทุกกระทง ประหารชีวิต และปรับเงิน 1,000 บาท พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียทุกคน รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะแล้วเสร็จ
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างศาลอ่านคำพิพากษามีญาติของผู้เสียชีวิตรู้สึกสะเทือนใจและร้องไห้ออกมา ขณะที่ญาติของนายประสิทธิชัยก็นั่งร้องไห้สะอื้นเมื่อศาลให้ลงโทษประหารชีวิตขณะที่ตัวนายประสิทธิชัยมีสีหน้าหม่นหมอง และหันไปมองญาติที่ร้องไห้บ่อยครั้ง
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE